วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ของขวัญ...ที่มอบให้กันได้ทุกวัน



ของ ขวัญอันล้ำค่าเหล่านี้ ไม่ต้องรอมอบให้กันในช่วงเทศกาล เราสามารถมอบให้ผู้อื่นได้ตลอดปี และเมื่อเรามอบของขวัญนี้แก่ผู้ให้แล้ว ผลที่ได้รับ มีคุณค่ามากมายมหาศาล

ของขวัญจาก "การฟัง" จงตั้งใจฟังผู้อื่นให้มาก อย่าขัดจังหวะการพูด หรือขัดคอคนอื่น พูดให้น้อย ฟังให้มาก


ของขวัญจาก "ภาษากาย " อย่าอายที่จะแสดงความรักแก่ครอบครัว หรือเพื่อนของคุณ การแสดงออกเล็กๆ น้อยๆ ที่บอกให้พวกเขารู้ถึงความสนิทสนมที่คุณมีให้ จับมือ โอบไหล่ สวมกอด หอมแก้ม ฯลฯ


ของขวัญจาก "ความเบิกบาน" แบ่งปันเสียงหัวเราะ และความสนุกสนานให้คนรอบข้าง มีเรื่องสนุก อย่าแอบหัวเราะคนเดียว


ของขวัญจาก "การเขียน" กระดาษโน้ตที่เขียนด้วยลายมือของคุณเอง
เช่น ฉันรักคุณจังเลย ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ จะสร้างความรู้สึกดีๆ ให้กับคนอ่านได้ไม่น้อย


ของขวัญจาก "คำชม" ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ ไม่ว่าใครก็อยากจะได้รับคำชม
เช่น ผมทรงนี้ดูดีจัง กับข้าวอร่อยมากเลยนะ


ของขวัญจาก "ความมีน้ำใจ" ความจริงพวกเราทุกคนล้วนมีน้ำใจ สภาพสังคมที่ต้องแก่งแย่งแข่งขันอยู่ตลอด ทำให้น้ำใจของหลายคนเกิดอาการหลับใน การแบ่งปันให้กัน จะทำให้โลกเราน่าอยู่ขึ้น


ของขวัญจาก "เวลาส่วนตัว" บางเวลาคนเราก็อาจอยากอยู่เงียบๆ ตามลำพัง อย่าลืมเคารพสิทธิผู้อื่นด้วย ปล่อยให้เขาอยู่คนเดียว เมื่อเขาต้องการ


ของขวัญจากการ "ให้กำลังใจ" คนเรายามที่จิตใจท้อแท้ ก็เหมือนรถน้ำมันหมด ช่วยเติมกำลังใจให้คนอื่นทุกครั้งที่มีโอกาส ใจเย็นๆ นะ เดี๋ยวก็มีทางแก้ ยากกว่านี้ เธอยังทำได้เลย สักวันรถคุณเองก็อาจจะขาดน้ำมันเหมือนกันก็ได้


ของขวัญจาก "มธุรสวาจา" คำพูดดีๆ ทำให้เกิดความประทับใจต่อกันได้ดี อย่าลืมคำพื้นฐานอย่าง ขอบคุณ ขอโทษ คุณอยากฟังคำพูดดีๆ คนอื่นเขาก็เหมือนกัน



และที่สำคัญ มันเป็นของขวัญที่มาจากใจ โดยไม่ต้องลงทุนสักแดงเดียว


ขอบคุณบทความจาก ดิฉัน

ควรงีบดีหรือไม่ในเวลากลางวัน



หากคุณไม่ได้ป่วยเป็นโรคนอนไม่หลับแล้วการงีบหลับสักเล็กน้อยในช่วงเวลา 13.00 น.-16.00 น. ก็เป็นผลดีต่อร่างกายเหมือนกันครับ แต่ก่อนที่จะหาที่เหมาะๆเพื่องีบหลับคลายง่วงนั้นต้องไม่ลืมพิจารณาตามหลักการต่อไปนี้คือ
  • ต้อง แน่ใจว่าคุณไม่เป็นโรคนอนไม่หลับ เพราะคนที่นอนไม่หลับหากแอบงีบในตอนกลางวันแล้วในเวลากลางคืนคุณจะเป็นเวลา ที่สุดแสนทรมานสำหรับคุณมากทีเดียว
  • หาก ต้องการงีบ ควรงีบในช่วงสั้นๆสักแค่ครึ่งชั่วโมง ไม่ควรเกินกว่านั้นเพราะยิ่งนอนกลางวันนานเท่าใดร่างกายของคุณก็จะยิ่งตื่น ตัวในเวลากลางคืน
  • เวลาที่ ควรงีบคือในช่วงเที่ยงวันหลังรับประทานอาหารเสร็จ เพราะในช่วงเวลานี้เมื่อตื่นขึ้นมาร่างกายของคุณจะกระปรี้กระเปร่าขึ้นกว่า เวลาอื่น
  • หากคุณง่วงนอนในตอนกลางวันแต่งีบไม่ได้ ขอแนะนำให้คุณเดินไปมาหรือหากิจกรรมแทน เพราะเมื่อเลยเวลาไปแล้วร่างกายจะสามารถปรับตัวได้เอง

นิตยสารชีวจิตฉบับที่ 141

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เคล็ดลับน่ารู้ ใบมะกรูดแก้เครียด



ใครที่ช่วงนี้กำลังเครียด วันนี้มีวิธีคลายเครียดด้วยใบมะกรูดมาฝากกัน...


“ใบ มะกรูด” เป็นสมุนไพรที่มักนำมาใช้ปรุงอาหาร มีสรรพคุณหลายอย่าง เช่น ขับลม ทำให้เลือดลมไหลเวียนดี แต่บางคนนึกว่านำมากินได้อย่างเดียว แต่ความจริงแล้วบางคนก็เอามาทำเป็นสมุนไพรแบบ “สปา” ได้เหมือนกัน


สรรพคุณอีกอย่าง คือ
ถ้าเกิดรู้สึกเครียด ๆ ก็นำใบมะกรูดมาฉีก แล้วดมจะทำให้ผ่อนคลายได้เหมือนกัน เพราะใน “ใบมะกรูด” จะมีสารบางตัวทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้ดี



รู้อย่างนี้แล้ว ถ้าใครเครียดก็ลองหาใบมะกรูดมาดม เพื่อจะช่วยคลายความเครียดได้.


ขอบคุณบทความจาก เดลินิวส์ออนไลน์
from:teenee.com

เคล็ดลับ : แต่งห้องให้ดูกว้างขึ้น



- ควรเลี่ยงการวางเฟอร์นิเจอร์ขวางกั้นบริเวณทางเดิน เพื่อให้ทางเดินดูต่อเนื่อง


- การจัดวางตู้ และเฟอร์นิเจอร์ ควรจะจัดให้ชิดติดผนังมากที่สุดเท่าที่จะทำได้


- การตกแต่งภายใน ควรออกแบบโดยใช้โทนสีอ่อน และวอลล์เปเปอร์ที่ดูเรียบ ๆ ไม่จำเป็นต้องรายละเอียดมากเกินไป


- การเปิดผนังระหว่างห้องน้ำ และ ห้องนอนด้วยการใช้บานเฟี้ยม หรือบานกระจกขุ่น ก็จะช่วยให้ห้องน้ำดูกว้าง และโล่งขึ้น โดยเฉพาะห้องน้ำที่ไม่ได้ติดหน้าต่าง จะช่วยนำแสงธรรมชาติเข้ามาสู่ห้องน้ำได้


- ควรใช้ม่านหรือมู่ลี่สีอ่อนๆ บริเวณกระจก เพื่อให้สามารถเปิดรับแสงธรรมชาติ และมองเห็นวิวภายนอกได้เต็มที่


- การเลือกเฟอร์นิเจอร์ ควรให้มีสัดส่วนพอดีกับพื้นที่ ระวังอย่าให้มีขนาดใหญ่หรือสูงเกินไป จะทำให้ห้องดูอึดอัด และคับแคบ


- ควรเลือกวัสดุและเฟอร์นิเจอร์โทนสีอ่อน เพราะ ให้ความรู้สึกของพื้นที่กว้างขวางกว่าสีเข้ม นอกจากนี้ยังช่วยสะท้อน แสงธรรมชาติที่เข้ามาจากทางหน้าต่างได้ในปริมาณที่มาก และลึกเข้ามายังพื้นที่ส่วนที่อยู่ห่างจากหน้าต่างได้ดีอีกด้วย


ลองนำเคล็ดลับที่แนะนำไปตกแต่งห้องกันดูได้ ห้องจะได้กว้างขึ้น


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

นิสัยของสาวๆ ที่ผู้ชายก็เป็น

คู่รัก ทะเลาะ

เอาละครับ ก่อนอื่นผมขอพูดถึงนิสัยของสาวๆ ก่อนดีกว่า เอาเป็นนิสัยส่วนใหญ่ละกัน แต่ไม่ใช่ทุกคน เน้นว่าส่วนใหญ่ เช่น ขี้หึง, ชอบเม้าท์, ชอบ Shopping, ขี้งอน, จู้จี้ขี้บ่น, เอาแต่ใจตัวเอง 555 ดูคร่าวๆ เหมือนไม่มีอะไรดี แต่ทั้งหมดนี้มันคือเรื่องปกติ และรสชาติของชีวิตที่ขาดไม่ได้ เพราะมันเป็นเสน่ห์ของคำว่า ผู้หญิง เพราะถ้าผู้หญิงไม่ขี้หึง คงไม่น่ารัก ถ้าผู้หญิงไม่ชอบเม้าท์ ผู้ชายอย่างเราคงไม่มีเรื่องขำๆ ไปแอบยิ้ม ถ้าผู้หญิงไม่เป็นขาช้อป เราคงไม่มีใครให้เดินตาม

ที่ ผมสาธยายมานี่มันดูน่ารักในความเป็นผู้หญิง แต่สาวๆ รู้ป่าวว่า ผู้ชายอย่างเราก็มีนิสัยเหมือนคุณเหมือนกัน 555 แต่จะน่ารักหรือเปล่า ลองคิดกันเอาเอง เริ่มจาก ใครจะรู้ว่าจริงๆ ผู้ชายอย่างเรา


1. ขี้หึงมั้ย
85% ขี้หึงมากถึงมากที่สุด บางคนควบคุมไม่ได้ ออกอาการหน้าโง่ถึงขนาดออกคำสั่งไม่ให้มีเพื่อนผู้ชาย ห้ามคุยกับผู้ชายแปลกหน้า แม้แต่โทรศัพท์กับกับผู้ชายก็ไม่ได้ 555 หลายคนคงเคยเจอ ผมว่า สาวๆ ชิดซ้ายไปเลย

2. ขี้เม้าท์
ถ้า คุณว่าพวกคุณชอบเม้าท์ชาวบ้าน ผมขอบอกว่า หนุ่มๆ เวลาเม้าท์กันในวงเหล้านี่ จะสุดยอดแบบ Uncensor เลยล่ะ ขนาดที่ว่า ผู้หญิงทนฟังไม่ได้หรอก 555 เล่ากันจนเห็นภาพบวกกับเสียงหัวเราะที่สุดมันส์มาก ขอเตือนว่า อย่าได้ไปแอบฟัง 555 แต่อาการนี้ไม่เป็นกับทุกคนนะครับ ถ้าเป็นสุภาพบุรุษจริงๆ จะไม่มีอาการนี้ (แต่หาได้ยากมากๆ)

3. ขี้งอน
อาการ นี้จะเกิดขึ้นแน่นอน ถ้าคุณมีแฟนที่อายุน้อยกว่า 30 ปี เพราะวัยของพวกเราเป็นพวกที่ไฟแรง อยากได้อะไรก็ต้องได้ ไม่ค่อยยอมแฟน อะไรไม่ได้ดั่งใจก็จะงอน แถมพวกเรามักมีวิธีงอนที่รุนแรง เช่น ไม่รับสายแล้วออกไปกินเหล้ากับเพื่อน ไปหาสาวอื่น ทำให้คุณงอนเหมือนกัน หรือมากกว่า เตือนไว้แค่นี้ดีกว่า 555 ไปอ่านเรื่องต่อไปกัน

4. ชอบ Shopping
ถ้า คุณเป็นคนชอบถลุงเงินเล็กๆ น้อยๆ ไปกับเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าแล้ว เห็นแฟนคุณไม่ค่อยช่วยถลุงเงิน อย่าชะล่าใจ เพราะผู้ชายอย่างเราไม่ชอบของชิ้นเล็กๆ 555 เงินหลายล้านจะหมดไปกับรถสปอร์ตคันหรู เงินหลายแสนจะหมดไปกับล้อแม็ค ที่คุณคิดว่ามันปัญญาอ่อน ซื้อมาทำไม อันเดิมก็สวยอยู่แล้ว และคอนโดฯ กลางใจเมืองที่คุณกับแฟนซื้อมาแต่ไม่เคยไปอยู่ด้วยกัน (เพราะมันพาสาวอื่นๆ ไป 555)

5. จู้จี้ขี้บ่น
อัน นี้จะสลับกับเมื่อกี้ อาการนี้มันเกิดกับชายหนุ่ทอายุ 30 ขึ้นไป เพราะเขามีความรู้และผ่านประสบการณ์มามาก จะเป็นห่วงแฟนสาว กังวลนู่นนี่นั่น เห็นแฟนเป็นเหมือนลูก อันนี้เรื่องจริง สาวๆ มักโดนบ่นเรื่องกลับบ้านดึก ตื่นสาย ทำไมไม่ออกกำลังกาย บ่นในเรื่องที่คุณขี้เกียจฟัง เคสนี้จะเกิดขึ้นเพราะเขารักคุณนะ ถ้าเขาไม่รักคุณ พวกเราจะไม่เปลืองน้ำลายมาบ่นคุณเลยจะบอกให้ ผมถือว่าเป็นเรื่องดี


ขอขอบคุณ: yenta4.com




การเลือกซื้อเตาอบไมโครเวฟ

1. เลือกซื้อเตาอบไมโครเวฟที่สามารถ อบเกรียม ละลายน้ำแข็ง และมีอุปกรณ์ตรวจวัดอุณหภูมิในอาหาร

2. เตาอบไมโครเวฟขนาดเล็กจะใช้พลังงานน้อย ให้เลือกซื้อเตาอบไมโครเวฟที่มีขนาดและขีดความสามารถสอดคล้องกับการใช้งาน

3. เตาอบไมโครเวฟที่สามารถทำให้อาหารร้อนและสุกเกรียมได้ จะดีกว่าเตาอบไมโครเวฟที่ทำให้ร้อนได้เพียงอย่างเดียว

4. แต่ถ้าหากความจุใกล้เคียงกัน ควรเลือกซื้อรุ่นกินกำลังไฟ (วัตต์) น้อยกว่า

ดูแลรักษาและใช้อย่างถูกวิธี

- อย่าวางเตาไมโครเวฟใกล้อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ เช่น โทรทัศน์ หรือวิทยุ เพราะจะทำให้รบกวนระบบการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านั้น

- ทำความสะอาดภายในเครื่องทุกครั้งหลังการใช้งาน เพราะเศษอาหารที่ติดตามผนังจะลดประสิทธิภาพของเตาอบไมโครเวฟลง และอาจเกิดประกายไฟได้

- ควรตั้งเวลาให้สอดคล้องกับชนิดและปริมาณอาหาร

- ควรใช้เตาไมโครเวฟเพื่อการอุ่นอาหาร ต้มน้ำเดือดปริมาณน้อย ละลายอาหารแช่แข็ง


ลองนำวิธีที่แนะนำไปดูแลรักษาเตาอบไมโครเวฟ เพราะจะได้ใช้งานได้นาน ๆ


ขอบคุณข้อมูล : v2.zmeal & teenee.com

เมื่อวัยรุ่นของเราน้ำหนักเกิน



เป็นเรื่องที่ผู้ปกครองย่อมอดเป็นห่วงไม่ได้ แนะนำผู้ปกครองดูแลลูกหลาน พร้อมเสนอทางเลือก เผื่อจะลองนำไปปฏิบัติให้ได้ผล.....

ถึง แม้ว่าลูกของเราจะมิได้เป็นนักมวยขึ้นชกบนเวที แต่การที่วัยรุ่นเริ่มจะมีน้ำหนักเกิน หรือตุ้ยนุ้ยเกินงาม ก็เป็นเรื่องที่ผู้ปกครองย่อมอดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะมันส่งผลไม่ค่อยดีนักต่อสุขภาพของพวกเขาเอง

เว็บไซต์ http://voices.washington post.com ชวนคุยและให้คำแนะนำไว้น่าสนใจ โดยบอกว่าสถิติของรัฐบาลกลางพบว่าเด็กและวัยรุ่นอเมริกันเกือบหนึ่งในสามอยู่ในภาวะน้ำหนักเกิน หรืออ้วนลงพุง

ผู้เขียนคอลัมน์นั้นได้ลองให้คำแนะนำแก่ผู้ปกครองเผื่อจะลองนำไปปฏิบัติให้ได้ผลกัน นั่นคือ

- ผู้ปกครองควรจะไปพบแพทย์เพื่อ ให้ช่วยประเมินว่าน้ำหนักของลูกสาวลูกชายวัยรุ่นนั้นจัดอยู่ในขั้นหนักเกิน ไปแล้วหรือเปล่า เพราะแพทย์จะดูเรื่องนี้อย่างเป็นกลางและไม่ใส่อารมณ์ จะได้วางแผนบนเกมนี้ได้ถูก

- ตั้งแต่วัยเด็กควรสอนให้มีนิสัยในการกินที่ถูกสุขอนามัยเพราะ ไม้อ่อนย่อมดัดง่ายกว่าตอนเป็นวัยรุ่น ทั้งยังต้องเตรียมให้เด็กไม่ละทิ้งสุขนิสัยเหล่านั้นอีกด้วย เพราะพ่อแม่ไม่สามารถตามไปคุมอาหารของลูกได้ทุกมื้อ

- คำว่า "ไดเอท" เป็นคำต้องห้าม แทนที่จะพูดเรื่องลดน้ำหนักตรงๆ ก็น่าจะชวนคุยในหัวข้อการกินอาหารที่มีประโยชน์ และการออกกำลังให้เป็นนิสัย จะช่วยปลูกฝังสุขนิสัยไปอย่างยืนยาวตลอดชีวิต

- ควรจัดอาหารที่เป็นประโยชน์ ต่อสุขภาพ แต่ก็ยอมให้ตามใจตัวเองบ้างเป็นครั้งคราว

- ช่วยให้วัยรุ่นได้รู้คิดว่าเมื่อไรที่เขาหรือเธอหิวขึ้นมาจริงๆ หรือว่ากินเพราะไม่มีอะไรทำ

- อาจช่วยให้วัยรุ่นช่วยวางแผนรายการอาหารและไปซื้ออาหารด้วยกัน

- เด็ก ๆ ควรจะได้นอนอย่างเต็มที่คืนละ 8-9 ชั่วโมง และต้องกินอาหารเช้าเป็นประจำ

- สังเกตดูว่าวัยรุ่นใช้เวลาอยู่หน้าจอมากเกินไปหรือเปล่า ไม่ว่าจะจอโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ หรือวีดิโอก็ตามที แล้วค่อยจำกัดเวลาให้เหมาะสม ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ให้คำแนะนำว่าไม่ควรอยู่หน้าจอเกินวันละ 2 ชั่วโมง

- ขยายคำนิยามกิจกรรมออกกำลังออกไปยังเรื่องที่เด็กทำแล้วสนุกและได้ออกแรง ไม่ว่าจะเต้นรำ เล่นฮูลาฮูป เตะบอล เป็นต้น

- ข้อสุดท้ายนี่สำคัญมากคือ อย่าปล่อยให้วัยรุ่นทำกิจกรรมสุขภาพคนเดียว เรื่องนี้ทั้งครอบครัวต้องช่วยกันสร้างสุขนิสัยในการกินและออกกำลังไปด้วยกันจึงจะได้ผล.


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
& teenee.com

เล่นตัวแค่ไหน .. ไม่เป็นผู้หญิงน่าเบื่อ



เกิด เป็นหญิงน่ะไม่ลำบากหรอก แต่จะปลุกเสกภาพลักษณ์ยังไงให้กลายเป็นสาวพราวเสน่ห์ นี่สิยาก โดยเฉพาะเมื่อลูกผู้หญิงเราต้องรู้จักเล่นตัว เพื่ออัพคุณค่าให้ตัวเราเอง แล้วจะเล่นตัวประมาณไหนดีล่ะ ถึงจะทั้งมีเสน่ห์แถมไม่น่าเบื่อจนหนุ่มเมิน

1. เมื่อเขาชวนไปเดท

การที่เขามาชวนไปดูหนังฟังเพลง เป็นสัญญาณที่ดีว่าเสน่ห์ของคุณเริ่มเปล่งประกายทิ่ม แทงลูกตาเขาแล้ว แต่สาวงามอย่างเราควรมีฟอร์มไว้บ้าง อย่าให้เขารู้เป็นอันขาดเชียวว่าเราพร้อมจะกระโจนเข้าสู่อ้อมอกเขาทุกเมื่อ

Cool Girl ทำเป็นคิดนิดหนึ่งก่อนรับคำชวน อาจจะทำเป็นขอเวลาเช็คสมุดนัดก่อนว่าวันนั้นคนสวยตัว เลือกเพียงอย่างเรามี นัดกับใครหรือเปล่า แบบว่าถ้าไม่เช็คดูเดี๋ยวรับนัดซ้อนแล้วหนุ่มๆ จะอกหักค่ะ

Creepy Girl ตอบรับทันทีแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด จนหนุ่มเอะใจว่ายายนี่คงขาดคนเหลียวแลนานแล้ว

Cool Girl ไม่ยอมโดดเรียนหรือโดดงานเพื่อไปเดทกับเขา แต่นัดให้เขาไปรับหลังเลิกงาน เพื่อให้ผู้ชายคนนี้ได้รู้ว่าเขาน่ะสำคัญสู้หน้าที่การงานของคุณไม่ได้หรอก ถ้าเขาอยากให้คุณเห็นคุณค่ามากกว่านี้ ก็ต้องออกแรงกันหน่อยล่ะ

Creepy Girl โทร.ไปลางาน จากนั้นพุ่งไปให้ช่างเสริมสวยโบ๊ะหน้า ตามด้วยอดข้าวอีกหนึ่งวันเต็ม จะได้ผอมสวยสำหรับเดทนัดสำคัญ

Cool Girl ปฏิเสธไม่ยอมไปกับเขาเป็นบางครั้ง โดยอ้างว่าจะไปกับเพื่อน แล้วปล่อยให้เขากลับไปคิดเอาเองว่าเพื่อนคุณว่าน่ะผู้หญิงหรือผู้ชายเอ่ย..

Creepy Girl ยอมรับนัดทุกครั้ง โดยดีไม่มีเงื่อนไข ไม่เกี่ยงวันเวลาและสถานที่

Cool Girl ไปสายกว่าเวลานัดนิดหน่อย เพื่อยั่วให้เขากระวนกระวายเล่น และเขาจะได้นั่งอยู่ที่โต๊ะเรียบร้อยแล้ว พร้อมจะตะลึง อึ้ง ทึ่งกับความงามของคุณ เวลาคุณเดินลั้ลลาด้วยมาดนางพญาเข้าไปหา ถ้าใครคิดภาพไม่ออก ขอบอกว่าตัวอย่างในละครน้ำเน่ามีให้ดูเกือบทุกเรื่อง

Creepy Girl ไปก่อนเวลาและต้องเป็นฝ่ายไปนั่งรอเขาทุกครั้ง

2. แตะเนื้อต้องตัว

คนเป็นแฟนกันก็ต้องมีการกระทบไหล่ก่ายหน้าผากถูกเนื้อต้องตัวกันบ้าง แต่แค่ไหนล่ะถึงจะเพิ่มค่าเพิ่มราคาให้ตัวคุณ

Cool Girl ยอมให้เขาจับมือและไต่ระดับขึ้นมาได้ไม่เกินข้อศอก ลูบแก้มได้บ้างถ้าบรรยากาศเป็นใจ

Creepy Girl ไม่ยอมให้เกิดการสัมผัสใดๆ ทั้งสิ้น และบังคับให้เขาอยู่ห่างคุณมากกว่า 1 เมตร เหมือนกลัวเชื้อวัวบ้าจะกระโดดจากพี่เขามาเข้าร่างคุณ

Creepy Girl ปล่อยให้เขาจับ ลูบ ล้วง ขยำ ปู้ยี่ปู้ยำ แต๊ะอั๋งได้แบบไร้ขีดจำกัด ยิ่งกว่าสัญญาณโทรศัพท์

3. งอนให้ง้อ

นี่ ล่ะคือไม้ตายที่จะทำให้หวานใจให้เกียรติและเกรงใจแฟน สาว ผู้เปรียบดั่งศิลปะวัตถุอันตรงคุณค่าอย่างคุณ เวลางอนคือโอกาสที่คุณจะเล่นตัวได้มากที่สุด โดยมีเขารับบทเป็นจำเลยที่ต้องตามง้อคุณลูกเดียว

Cool Girl ทำหน้าบึ้งไม่พูดด้วย ไม่มองหน้า แต่แอบค้อนเป็นระยะ เพื่อให้เขารู้สึกว่าเขายังมีตัวตนในสายตาคุณอยู่น่ะ

Creepy Girl ทำหน้าเฉยไร้อารมณ์ มองผ่านเขาไปเหมือนพี่เขาเป็นผีบ้านผีเรือน จนเขานึกว่าสมองคุณหยุดทำงานไปแล้ว

Cool Girl ไม่รับโทรศัพท์ แต่เปิดมือถือเอาไว้ เพื่อให้เขากระหน่ำฝากข้อความง้องอนมาให้คุณได้สะดวก ๆ

Creepy Girl ปิดโทรศัทพย์ไปเลยจนเขาติดต่อไม่ได้ แถมย้ายบ้านหนีอีกต่างหาก ..

Cool Girl ระยะเวลาความงอนขึ้นอยู่กับความใหญ่หลวงของความผิด สามารถงอนได้ตั้งแต่ 10 นาทีไปจนถึง 3 วันไม่ว่าอย่างไรไม่ควรงอนนานเกิน 1 อาทิตย์ เพราะความอดทนในการง้อของคนเราก็มีจำกัด และผู้หญิงในโลกนี้ก็ไม่ได้มีแค่คุณคนเดียว

Creepy Girl ไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ก็งอนนานเป็นอาทิตย์เท่ากันหมด

Cool Girl บังคับให้เขาส่งดอกไม้มาให้ที่โต๊ะทำงานทุกวันเป็นเวลา 1 อาทิตย์

Creepy Girl บังคับให้เขาคลานเข่าเข้ามาบอกรักคุณ หรือให้ตะโกนว่ารักคุณคนเดียวกลางสี่แยก

Creepy Girl งอนได้ทุกเรื่อง ขนาดพี่เขาหายใจแรงไปยังงอน .. เฮ้อ กลุ้มแทนแฟนคุณจริงๆ

Creepy Girl ทำ ร้ายร่างกายเขาเพื่อระบายแค้น อันนี้ขอห้าม เพราะจะงอนกันอย่างไรก็ไม่ควรซาดิสม์ เดี๋ยวพี่เขาเกิดวิญญาณนักมวยเข้าสิงแล้วเราจะเดือดร้อน ....

from : teenee.com

สุขภาพ นมวัว กับ นมถั่วเหลือง นมไหนดีกว่ากัน



"ที่เค้าว่านมถั่วเหลืองดีอย่างโน้นอย่างนี้ แถมราคาก็ถูกกว่านมวัว แล้วอย่างนี้เราจะหันมาดื่มนมถั่วเหลืองแทนนมวัวซะเลยจะดีไหม"


คำถามนี้เคยเกิดขึ้นในใจ คุณบ้างรึเปล่า? วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยที่ว่านี้กันให้ชัด ๆ เลย


ในเรื่องของโปรตีน ถ้าทำน้ำถั่วเหลืองจากสูตร ถั่วเหลือง 1 ส่วนต่อน้ำ 8 ส่วน จะได้โปรตีนใกล้เคียงกับนมวัว คือ ดื่มนมถั่วเหลือง 1 แก้ว (200 มิลลิลิตร) จะได้โปรตีน ประมาณ 6 กรัม (นมวัว 1 แก้ว จะได้โปรตีนประมาณ 7 กรัม) แต่คุณภาพโปรตีนในนมวัวมีความสมบูรณ์ของกรดอะมิโนที่เป็นส่วนประกอบของ โปรตีนดีกว่าโปรตีนจากถั่วเหลืองที่มาจากพืช แต่คุณภาพของโปตีนในนมถั่วเหลือง ก็สามารถเสริมให้ดีขึ้นได้ ด้วยการเติมเครื่องต่าง ๆ อย่างที่นิยมกัน เช่น ลูกเดือย สาคู ถั่วแดงลงไป ได้ทั้งความอร่อยแถมคุณค่าของโปรตีนสมบูรณ์ขึ้น


พลังงานที่ได้จากนมวัวจะมีไขมันมากกว่านมถั่วเหลืองถึง 2 เท่า คือนม วัว 1 แก้วจะให้พลังงาน ประมาณ 170 แคลอรี่ ส่วนนมถั่วเหลืองจะให้เพียง 80 แคลอรี่ เท่านั้น แต่คนที่ดื่มนมถั่วเหลืองเติมน้ำตาลมาก จนมีรสหวานกว่านมสดรสหวาน ก็จะได้พลังงานทั้งหมดพอ ๆ กัน แม้ว่านมถั่วเหลืองจะให้แคลเซียมที่น้อยกว่านมวัว แต่ให้ธาตุเหล็กและวิตามินบีหนึ่งที่มากกว่า


เราดื่มนมถั่วเหลืองทดแทนนมวัวไม่ได้ เพราะจะมีแคลเซียมน้อยกว่านมวัวอยู่มาก แต่หากมีการเสริมแคลเซียมลงในนมถั่วเหลือง ก็เท่ากับว่าเสริมคุณค่าทางโภชนาการให้สมบูรณ์มากขึ้น สำหรับผู้ที่ต้องการดื่มนมถั่วเหลืองเป็นอาหารเสริมก็ควรดื่ม วันละ 1-2 แก้ว


หาก เป็นนมถั่วเหลืองธรรมดาที่ไม่ได้มีการเสริมแคลเซียม ขอแนะนำให้ดื่มนมวัวบ้างประมาณวันละ 1-2 แก้ว สำหรับผู้ใหญ่ หรือ 2-3 แก้วสำหรับเด็ก เช่นเดียวกับหญิงมีครรภ์หรือให้นมบุตร เพื่อจะได้แคลเซียมอย่างเพียงพอกับความต้องการของร่างกายในสภาวะนั้น ๆ


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:"ข่าวเข้ม ฉับไว เป็นกลาง"
& teenee.com

วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เคล็ดลับ : ขจัดกลิ่นเหม็นอับตู้เย็น



การหมั่นทำความสะอาด เช็ดรอยหกเปื้อน หรือการย้ายอาหารที่ใช้ไม่ได้แล้วก่อนที่มันจะเริ่มส่งกลิ่นจะช่วยกำจัด กลิ่นเหม็นในตู้เย็นได้

เทคนิคคือ ทำความสะอาดตามคำแนะนำผู้ผลิตอย่างน้อยเดือนละครั้ง ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือก่อนช้อปปิ้ง

จาก นั้นดึงส่วนที่เคลื่อนย้ายได้ออกมาทำความสะอาดด้วยน้ำสบู่อุ่นๆ ในกรณีที่วางถาดเนื้อของคุณมีน้ำจากถุงใส่เนื้อรั่วลงมาในถาด คุณต้องหมั่นนำถาดออกมาล้างบ่อยๆอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง หรือก่อนที่จะซื้อเนื้อมาเก็บเข้าตู้เย็นใหม่

สำหรับด้านในตู้เย็น ให้ผสมผงฟู 2 ช้อนโต๊ะกับน้ำอุ่น 1/4 แกลลอน เช็ดด้านในตู้เย็น ล้างน้ำให้สะอาด แล้วปล่อยให้แห้ง แต่ถ้าตู้เย็นมีปัญหาเรื่องกลิ่นจนอยากซื้อตู้เย็นใหม่ ขอให้ลองวิธีนี้ก่อน คือ เอาของในตู้ออกมาให้หมด นำไปแช่ไว้ในตู้เย็นอีกตู้หรือแช่ไว้ในกระติกน้ำแข็ง ต่อมาทำความสะอาดตู้เย็นให้สะอาดจริงๆ หลังจากนั้นให้ขยุ้มกระดาษหนังสือพิมพ์แล้วห่อชั้นหรือตะแกรงทุกๆชั้นที่มี กลิ่น พรมน้ำบนกระดาษหนังสือพิมพ์ เปิดสวิตซ์ตู้ให้เครื่องทำงาน ปล่อยตู้เย็นไว้อย่างนั้น 5 - 6 วั้น โดยเปลี่ยนหนังสือพิมพ์ที่ห่อนั้นทุก 2 วัน วิธีนี้อาจดูยุ่งยากไปบ้าง แต่ก็ได้ผลดีเพราะกระดาษหนังสือพิมพ์จะช่วยดูดซับโมเลกุลของกลิ่นไว้


ตู้เย็นกลิ่นหอม

เพื่อป้องกันไม่ให้ตู้เย็นเกิดกลิ่นไม่รื่นจมูก หลังทำความสะอาดตู้แล้ว คุณอาจใช้สิ่งใดสิ่งหนึ่งต่อไปนี้ปรับอากาศในตู้ให้มีกลิ่นหอมอยู่เสมอ

ผงฟู วางถ้วยผงฟูไว้มุมตู้ เปลี่ยนทุก 3 เดือน

ถ่านหุงต้ม หากระปุกเล็กๆที่ไม่ใช้แล้วใส่ถ่านหุงต้ม 2 - 3 นิ้ว สัก 2-3 ก้อน วางไว้ในตู้ เปลี่ยนทุก 3 เดือน

วานิลลา นำสำลี 2-3 ก้อนที่ชุบกลิ่นวานิลลาเรียบร้อยแล้ว วางบนชั้นวางอาหาร จะส่งกลิ่นหอมไปหลายอาทิตย์

กาแฟแบบบด วางถ้วยใส่กาแฟบดทิ้งไว้ในตู้เย็น จะช่วยใล่กลิ่นอับไปได้หลายเดือน แต่ระวังว่ากาแฟบดอาจทำให้ไอศกรีมหรือน้ำแข็งติดกลิ่นกาแฟ คุณจึงควรเก็บของเหล่านี้ไว้ในถุงพลาสติกหรือหาภาชนะปิดให้มิดชิด

มะนาว นำ มะนาว 1 ลูกฝานครึ่ง แล้วนำไปวางหงายในตู้เย็น เกลือและผลไม้ประเภทมะนาว (เช่น ส้ม มะกรูด) ผ่าครึ่งส้ม มะนาว มะกรูด เอาเนื้อข้างในออก จากนั้นเอาเกลือใส่เข้าไปแทน จะช่วยขจัดกลิ่นในตู้เย็นได้นานประมาณ 2 อาทิตย์


ขอบคุณข้อมูล : v2.zmeal

เคล็ดลับ : เก็บข้าวสารไม่ให้แมลงมารบกวน



ข้าวสารเป็นอาหารหลักของคนไทย ซึ่งทุกคนทุกครอบครัวต้องรับประทานข้าว อาจจะซื้อข้าวสารมาตุนไว้จำนวนมาก มักจะเจอกับปัญหา คือ... มอดและแมลงรบกวน


โดยเฉพาะมดตัวเล็กตัวใหญ่ แม้ว่าคุณแม่บ้านจะเก็บไว้ในที่ปลอดภัยมีฝาปิดมิดชิด แต่มดตัวเล็กก็พยายามเล็ดลอดเข้าไปได้ สังเกตได้จากเวลาหุงจะเห็นมดลอยอยู่ในน้ำเป็นจำนวนมาก ล้างก็ไม่หมด


วิธีป้องกันไม่ยากเลย


วิธีที่ 1
ให้ นำใบมะกรูดเด็ดทั้งใบไม่ต้องเอาก้านออก ใส่ในถังข้าวสาร 4 - 5 ใบ ถ้าข้าวมากก็ใส่มากหน่อย แต่ต้องคอยเปิดดูถ้าใบมะกรูดเริ่มแห้งหมดกลิ่นก็เปลี่ยนเอาใบใหม่ใส่ลงไป


วิธีที่ 2
ให้นำพริกสดมา 7 - 8 เม็ด ผ่าเอาเมล็ดออกให้หมด ให้เหลือแต่เปลือก นำไปใส่ไว้ในถังข้าวสาร ก็ป้องกันได้เช่นกัน


วิธีที่ 3
ส่วนข้าวกล้องซื้อมาแล้วให้นำเข้าตู้เย็นในช่องธรรมดาเก็บไว้สัก 5 - 6 วัน ค่อยนำมาไว้ข้างนอกก็จะช่วยได้


วิธีที่ 4
ใช้โรยเกลือป่น อัตราข้าวกล้อง 1 กิโลกรัม ใช้เกลือ 1 ช้อนชา ก็สามารถป้องกันได้หมด ทั้งมด มอด แมลง



ขอบคุณข้อมูล : หนังสือเคล็ดลับครัวไทย

เตือนภัย : ดื่มเหล้า แก้หนาว ถึงตาย



เตือนดื่ม "สุรา" ช่วยคลายหนาวเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะมีผลต่อระบบทำงานของหัวใจ เสี่ยงถึงชีวิต


น.พ.วุฒิไกร มุ่งหมาย นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี กำชับให้สำนักงานสาธารณสุขอำเภอและผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชน รณรงค์ ความรู้เรื่องการป้องกันโรคในฤดูหนาว โดยเฉพาะความเชื่อผิด ๆ ซึ่งก่ออันตรายต่อสุขภาพที่ว่า การดื่มสุราช่วยคลายหนาว เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายอุ่นขึ้น แต่แท้จริงแล้วผลลัพธ์ตรงกันข้าม เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ช่วยคลายความหนาวเย็นไม่ได้ และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต


น.พ.วุฒิไกร กล่าวว่า สุรา ทั่วไปมีเอทิลแอลกอฮอล์ที่กินได้ผสมอยู่ปริมาณไม่เกิน 60 เปอร์เซ็นต์ หากดื่มมากหรือนานขึ้น แอลกอฮอล์จะไปกดประสาทส่วนกลาง ทำให้มีอาการง่วง งง ซึม และหมดสติ ถ้าผู้ดื่มอยู่ในพื้นที่อากาศหนาวเย็นยิ่งเสี่ยงอันตราย เพราะความเย็นจะทำให้ร่างกายมีความหนืดมากขึ้น การไหลเวียนของโลหิตลำบาก เมื่ออวัยวะขาดออกซิเจน หัวใจต้องทำงานหนัก เพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย ทำให้ช็อกและเสียชีวิตง่ายขึ้น จึงขอเตือนประชาชน อย่าหลงเข้าใจผิดในเรื่องการดื่มสุราเพื่อคลายหนาว



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด/teenee.com

เคล็ดลับ : การถอนขนคิ้ว แบบง่ายๆ



ใครที่อยากมีคิ้วสวย แต่ไม่รู้จะถอนขนคิ้วอย่างไร วันนี้มีวิธีถอนขนคิ้วมาบอก....


ก่อน ลงมือถอน ควรเตรียมผิวด้วยการลงเจลสูตรบางเบาที่มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้ ดอกคาโมไมล์ และน้ำมันสะระแหน่ เพื่อให้เกิดความเย็นและลดการอักเสบในระหว่างและหลังการถอนคิ้วเวลาถอนจะได้ เจ็บน้อยลง


ใช้ดินสอเขียนคิ้ว เขียนรูปคิ้วที่ต้องการก่อน แล้วค่อยถอนส่วนที่เกินออก


ถ้าไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นหรือสิ้นสุดตรงไหน ให้ใช้ดินสอวาดขอบตาวางทาบเป็นแนวตรง จากด้านข้างของปลายจมูก แล้วถอนส่วนที่เกินออกมาทั้ง 2 ข้าง จากนั้นหันดินสอทาบจากปลายจมูกไปถึงหางตา ถอนส่วนที่เกินออกมาจากด้านนอกของแนวดินสอ


เก็บรายละเอียดที่ใต้คิ้ว ตรงไหนเกินออกมาจากแนวคิ้วก็ถอนออกให้หมด หรือถ้าเผลอถอนออกมากเกินไป ก็สามารถใช้ดินสอเขียนคิ้วตกแต่งเพิ่มได้


เพียงเท่านี้ก็จะได้คิ้วที่สวยได้รูปตามใจตัวเอง...


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์/teenee.com

วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เคล็ดลับ : ปิ้ง ย่าง อย่างไรห่างไกลมะเร็ง



แม้ว่าวิธีการปิ้ง ย่าง จะถูกระบุว่าเป็น การปรุงอาหารที่เสี่ยงต่อมะเร็ง แต่การปิ้ง ย่าง ก็เป็นการปรุงอาหารที่ทำให้ไม่ต้องรับไขมันเพิ่มจากน้ำมันเหมือนกับวิธีการทอด


วิธีที่ชาญฉลาดคือ ปิ้ง ย่างโดยไม่ให้อาหารไหม้เกินไป และปิ้ง ย่างโดยลดปริมาณน้ำมันที่จะหยดลงไปบนถ่านไฟแดงๆ ในเตา เพราะควันที่ลอยกลับขึ้นมาติดกับเนื้อสัตว์นั้นเป็นตัวการก่อมะเร็งได้พอๆ กับในส่วนที่ไหม้ และการตัดส่วนที่ไหม้ทิ้งไปนั้น แม้จะป้องกันไม่ได้ทั้งหมด แต่ก็ดีกว่าทานในส่วนที่ไหม้ไฟเต็มๆ นอกจากนี้ภาชนะที่ใส่อาหารปิ้ง ย่าง จะมีคราบสีดำติดอยู่ ดังนั้นต้องล้างให้สะอาดหมดจดก่อนที่จะนำกลับมาใช้ใหม่ โดยเฉพาะเตาปิ้ง


หากรักที่จะทานอาหารปิ้ง ย่าง ต่อไป ก็ต้องรู้จักวิธีที่จะเลี่ยงสารก่อมะเร็ง

เคล็ดลับ : แก้นิสัยขี้ลืมด้วยตนเอง



1. ตั้งสมาธิ สาเหตุ หนึ่งที่ทำให้หลงลืมบ่อยเพราะไม่มีสมาธิ หรือมีสารพัดเรื่องเข้ามาแทรกแซงอยู่ตลอดเวลา อย่าให้มีอะไรมากวนสมาธิบ่อยนัก จัดเวลาช่วงหนึ่งงดรับโทรศัพท์และติดป้ายห้ามรบกวนไว้ที่โต๊ะ หาเวลานั่งเงียบๆ หลับตา หายใจเข้าช้าๆ เพื่อให้เกิดความสงบ


2.จดโน้ต ถ้า ทำงานที่มีความซับซ้อนหรือมีหลายงาน ควรรีบโน้ตสั้นๆ ว่าจะทำอะไรต่อไป ส่วนที่ชอบลืมแล้วลืมอีกควรจดโน๊ตต่างๆ เพื่อช่วยเตือนความจำอีกที


3.ใส่ใจ การ ที่คนเราลืมอะไรบ่อยๆ อาจะเป็นเพราะไม่ได้ใส่ใจในเรื่องนั้น ถ้าใครพูดอะไรด้วยแล้วลืม หรือจำชื่อคนไม่ค่อยได้ ลองหันมาสนใจตั้งใจฟังสักนิด ก็จะช่วยให้จำได้ดีขึ้น


4.ท่องจำ การ ท่องเป็นวิธีช่วยจำที่ตรงไปตรงมาที่สุด เด็กนักเรียนจำคำศัพท์ต่างๆ ได้ดีขึ้น เพราะท่องจำเนี่ยแหละ ถ้าหมั่นท่องสิ่งที่ต้องทำบ่อยๆ ได้จากการฟัง ได้ดีขึ้น


5.พูดออกเสียง เคยสังเกตไหมว่าเราสามารถจดจำเรื่องต่างๆ ได้จากการฟัง การพูด ออกมาทำให้เราได้ยินเสียงของตัวเอง ซึ่งจะช่วยให้จำง่ายขึ้น


6.พูดคุยหรือเล่าให้คนอื่นฟัง ก็เป็นการช่วยจำทางหนึ่ง และการเล่าให้คนอื่นฟังรู้เรื่อง ตัวเราเองต้องเข้าใจเรื่องนั้นอย่างดีและจำได้ดี ถ้าอยากจำเรื่องที่ประชุม สัมมนา หรืออบรมได้ดีขึ้นลองพูดคุยหรือเล่าให้เพื่อนฟัง


7.ทำ mind mapping ถ้าจะทำโครงการต่างๆ ลองเริ่มจากการเขียนแผนผังใส่หัวข้อต่างๆ ลงไป มีหัวข้อหลักและรายละเอียดด้วยก็จะทำให้เห็นภาพรวมทั้งหมดและช่วยจำได้ ที่สำคัญนอนหลับให้พอ ถ้านอนเต็มอิ่มก็จะช่วยให้จำดีขึ้น

ถ้าใครมีนิสัยขี้หลง ขี้ลืมบ่อยๆ อย่าลืมทำตามวิธีที่เอามาฝากนี้นะ ^-^



ขอบคุณข้อมูล : สะกิด.คอม

15 เคล็ดลับดูแลสุขภาพพร้อมรับ “ลมหนาว”

ฤดู หนาวที่กำลังมาเยือนอาจทำให้หลายคนเจ็บไข้ได้ป่วย หรือผิวแห้งแตกลอกได้ง่ายๆ วันนี้มีเคล็ดลับดูแลสุขภาพให้คุณพร้อมสู้กับลมหนาวในปีนี้มาฝาก


1.รับ ประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้เพียงพอและครบหมู่ ดื่มน้ำมากๆ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ และไม่ตรากตรำทำงานหนักจนเกินไป

การรักษาสุขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรงจะช่วยให้คุณพร้อมสู้กับโรคภัยไข้เจ็บที่พบ ได้บ่อยในฤดูหนาว เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ รวมถึงไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่เกรงกันว่าจะระบาดระลอกที่ 2 ด้วย

2.หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ดื่มสุรา และยาเสพติดต่างๆ เนื่องจากจะทำให้สุขภาพร่างกายเสื่อมโทรม เท่ากับเพิ่มโอกาสที่จะติดเชื้อได้ง่ายขึ้น

3.อยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก หลีกเลี่ยงสถานที่ชุมชนที่แออัดยัดเยียด โดยเฉพาะหากมีการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่

4.ล้างมือบ่อยๆ เพราะอาจไปสัมผัสเชื้อโรคที่ติดอยู่ตามสิ่งของต่างๆ เช่น ลูกบิดประตู ราวบันได ปุ่มลิฟต์ โทรศัพท์สาธารณะ เป็นต้น

5.หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้ป่วย และไม่ควรใช้ของร่วมกัน เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ จานชาม ช้อนส้อม

6.หากป่วยแล้วมีอาการไอหรือจาม ควรมีผ้าปิดปากและจมูก หรือสวมหน้ากากอนามัย

7.ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด อาการจะกำเริบได้ง่ายในฤดูนี้ นอกจากอากาศเย็นที่เป็นสาเหตุโดยตรงแล้ว ก็อาจเนื่องมาจากฤดูหนาวจะมีฝุ่นมาก หรืออากาศหนาวทำให้เราต้องนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาอยู่ร่วมกันในบ้าน หากแพ้ขนสัตว์ก็จะทำให้อาการกำเริบมากขึ้น หรือการนอนนานๆ ในฤดูหนาวซึ่งมืดเร็วและสว่างช้า ก็เพิ่มโอกาสที่จะทำให้แพ้ตัวไรฝุ่นตามที่นอน หมอน ผ้าห่มได้มากขึ้น ดังนั้นควรระมัดระวังสิ่งกระตุ้นเหล่านี้และรักษาร่างกายให้แข็งแรงเข้าไว้

8.พยายาม รักษาร่างกายให้อบอุ่นในช่วงฤดูหนาวหรือช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง ใส่เสื้อผ้าที่อบอุ่นเหมาะกับฤดูกาล หากอยู่ในที่ที่หนาวมากควรสวมหมวก เพื่อลดการถ่ายเทความร้อนออกจากร่างกาย

9.การอาบน้ำหลังจากตื่นนอนอาจไม่จำเป็นต้องฟอกสบู่หรือฟอกเพียงบางจุด หรือหากอยู่ในที่ที่อากาศหนาวมากๆ อาจไม่จำเป็นต้องอาบน้ำวันละสองครั้งตามปกติ และไม่ควรอาบน้ำนานๆ

10.ไม่ควรอาบน้ำอุ่นจัดจนเกินไป โดยเฉพาะการล้างหน้า เพราะน้ำอุ่นจะทำให้ความชุ่มชื้นของผิวหายไป นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่มีฟองมากๆ เพราะจะดึงความชุ่มชื้นไปจากผิว และไม่ควรเช็ดถูผิวแรงๆ เพราะจะยิ่งทำให้ผิวลอกมากขึ้น

11.ทาโลชั่นบำรุงผิวหลังอาบน้ำขณะที่ตัวยังหมาดๆ จะช่วยป้องกันผิวแห้ง แตก ลอก ในฤดูหนาวได้ และควรทาให้ทั่วร่างกาย ไม่ใช่เฉพาะแขนกับขาเท่านั้น รวมทั้งส่วนที่เรามักไม่ใส่ใจ เช่น เท้า การทาโลชั่นและสวมถุงเท้านอน จะช่วยให้เท้าเนียนนุ่มชุ่มชื้น ลดปัญหาส้นเท้าแตกได้อีกด้วย

ส่วนมือที่แห้งและแตก ก็ควรหมั่นทาครีม หรือโลชั่น เช่นกัน นอกจากจะช่วยให้ความชุ่มชื้นแล้วยังช่วยให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นด้วย สำหรับใครที่มือแห้งมากๆ ลองนวดด้วยน้ำมันมะกอกทิ้งไว้สักพัก ล้างออกด้วยน้ำสบู่ แล้วนวดด้วยครีมทามืออีกครั้ง ไม่ช้าริ้วรอยแห้งแตกก็จะหายไป ส่วนผู้ที่ต้องใช้มือทำงานสัมผัสน้ำอยู่ตลอดเวลา เช่น ล้างจาน ซักผ้า ช่วงหน้าหนาวจะยิ่งรู้สึกแสบมือมาก อาจมีอาการบวมแดงและแตกได้ ควรป้องกันด้วยการสวมถุงมือยางกันน้ำ

12.ริม ฝีปากที่แห้งแตกก็ควรได้รับการบำรุงและปกป้องเช่นกัน สมัยนี้มีลิปมัน ลิปบาล์ม ให้เลือกใช้มากมาย รวมทั้งชนิด For Men ของคุณผู้ชายด้วย สำหรับผู้ชายที่รู้สึกเขินเวลาใช้ลิปแท่ง อาจเลือกซื้อชนิดตลับไว้พกติดตัวก็ได้ ที่สำคัญ ไม่ควรเลียริมฝีปากบ่อยๆ เพราะจะยิ่งทำให้ปากแห้งแตกมากขึ้น

13.ในช่วงหน้าหนาวไม่จำเป็นต้องสระผมบ่อยๆ เช่นกัน และใช้แชมพูในปริมาณน้อยๆ ก็เพียงพอแล้ว เพราะจะทำให้เส้นผมแห้งแตกปลายได้ง่าย และยังทำให้หนังศีรษะแห้งเกินไปจนเกิดรังแคได้อีกด้วย สำหรับผมที่แห้งมาก การเลือกใช้แชมพูและครีมนวดผมที่เหมาะสำหรับผมแห้งจะช่วยได้ หลังการสระผมอาจใช้น้ำมันบำรุงเส้นผมทาเคลือบที่ปลายผมบางๆ เพื่อลดไฟฟ้าสถิต ช่วยให้ผมไม่ฟู

14.บำรุงร่างกายภายนอกกันแล้ว ก็อย่าลืมบำรุงร่างกายให้ชุ่มชื้นจากภายในด้วย โดยการดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน โดยเฉพาะน้ำอุ่นซึ่งจะช่วยให้ร่างกายของคุณอุ่นขึ้น นอกจากนี้ควรรับประทานผักผลไม้สดให้มากด้วย เพื่อให้ร่างกายชุ่มชื้นจากภายใน

15.การเลือกซื้อเสื้อกันหนาวก็สำคัญ บางคนเลือกซื้อเสื้อกันหนาวมือสอง เนื่องจากมีราคาถูก แต่ก็อาจนำเชื้อโรคต่างๆ ติดมาด้วย ควรเลือกให้ดี อย่าให้มีรอยด่างดำและรอยคราบสารคัดหลั่งต่างๆ หรือกลิ่นอับชื้นติดอยู่ เพราะอาจทำให้ติดเชื้อโรคได้ เช่น โรคผิวหนัง โรคติดเชื้อ เชื้อรา หรือโรคทางเดินหายใจต่างๆ ก่อนนำไปสวมใส่ควรต้มในน้ำเดือด และซักให้สะอาด แล้วนำไปผึ่งแดดให้แห้งสนิท

แม้แต่เสื้อกันหนาวใหม่ๆ ก็ควรนำไปซักแล้วตากแดดก่อนนำไปสวมใส่เช่นกัน เพราะในเนื้อผ้าอาจมีสารเคมีที่ทำให้เกิดโรคผิวหนังหรือโรคทางเดินหายใจ ต่างๆ ได้เช่นกัน

15 เคล็ดลับดูแลสุขภาพในช่วงฤดูหนาวทั้งหมดที่กล่าวมา คงจะช่วยให้คุณมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง พร้อมรับลมหนาวที่กำลังมาเยือน


ขอบคุณเนื้อหาจาก นิตยสารลิซ่า

เคล็ดลับ : รักษาอาการตกหมอน



ใครที่ชอบนอนตกหมอนบ่อยๆ จนปวดคอ วันนี้มีวิธีการรักษามาฝาก


- อย่าพยายามเคลื่อนไหวคอให้อยู่นิ่ง ๆ จากนั้นให้นำกระเป๋าน้ำร้อนมาวางบริเวณกล้ามเนื้อต้นคอที่กดแล้วเจ็บ ประมาณ 20-30 นาที และกดนวดบริเวณคอเพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้น ระวังอย่าให้น้ำร้อนมากเกินไป


- ถ้าไม่ประคบ ก็อาจรับประทานยาคลายกล้ามเนื้อ เพื่อให้กล้ามเนื้อคลายตัวลดอาการเจ็บปวด ควรใช้ยาอย่างถูกวิธี เนื่องจากยานี้มีผลข้างเคียงสูง


- ถ้าไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและรักษาให้ถูกต้อง


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

เคล็ดลับเด็ด : แก้หลับเวลากวดวิชา



9 วิธี “ทำอย่างไร...ถึงจะไม่หลับคาโต๊ะกวดวิชา”


1. ถ้ารู้ว่าตัวเองต้องเข้าเรียนแต่เช้า : ก็อย่าดูหนังดูละครจนดึกเกินสี่หรือห้าทุ่ม เพราะเวลานอนที่ขาดไปมันมักจะมาเอาคืนช่วงเรียนพิเศษที่มีอาจารย์ในดีวีดีมากล่อมเสมอ ข้อนี้สำคัญมาก เพราะหากนอนดึกแล้ว ก็ไม่มีวิธีไหนที่จะมาทำให้เราหายง่วงได้ นอกจากไปกินกระทิงแดง (แต่ก็ไม่แนะนำว่าไม่ดีต่อสุขภาพ)


2. พกขนมหรือน้ำเข้าไปด้วย : แต่ !!! ห้ามกินตั้งแต่เริ่มเรียน เพราะจะทำให้ง่วงง่ายมากกกกก ให้กินเมื่อเริ่มง่วงเท่านั้น (บาง ทีลองซื้อขนมที่เวลาแกะแล้วเสียงดังๆ เพราะเวลาแกะขนมนั้นจะทำให้เราตื่นเต้นและกลัวว่าคนข้างๆ จะด่า (มันมีวิธีอย่างนี้ด้วยเรอะ) ทำให้ตาสว่าง แต่ถึงอย่างไร ถ้าคิดว่าจะรบกวนคนข้างๆ ละก็ ก็ให้ซื้อขนมจุกจิกเล็กๆน้อยๆไปแทน) เมื่อหายง่วงก็ให้หยุดกินแล้วตั้งใจเรียนต่อไปซะ


3. อุปกรณ์สำหรับเรียนกวดวิชา : สำคัญ นะคะ เพราะเวลาเราง่วงๆ ก็หยิบปากกาสี หรือพวกไฮไลท์มาวาดๆ เขียนในหนังสือให้มันคัลเลอร์ฟูลไปเลย แต่อย่าทำให้เลอะเทอะไป เพราะเวลาทบทวนหนังสืออาจจะทำให้เรามึนได้ ให้วาดๆ เขียนๆ ด้านหลังหนังสือก็ได้ หรือไม่ก็เวลาอาจารย์ให้เน้นอะไรก็ใส่สีให้พอสวยงามก็ทำให้เราหายง่วงได้ เช่นกันค่ะ แต่ถึงยังไงก็ต้องตั้งใจฟังอาจารย์อย่ามัวแต่วาดเพลินนะคะ


4. ฝึกจินตนาการผ่านกวดวิชา : ลอง มองดูอาจารย์สอนกวดวิชาสิคะ ท่านจะมีอะไรให้เราได้จินตนาการไปเรื่อยเปื่อยอยู่เสมอ ตั้งแต่คำพูดติดปากของอาจารย์ สีเสื้อผ้า ทรงผม เสียงหัวเราะของอาจารย์ บางที...มุขฝืดๆของอาจารย์ก็ช่วยพวกเราจากความง่วงงันได้เหมือนกันนะ


5. สำหรับคนที่ชอบหลับคาโต๊ะกวดวิชา : เราขอแนะนำ!! ให้ลองก้มลงไปนอนโต๊ะคนอื่นดูค่ะ (หา!!) แล้วจะไม่ง่วงอีกเลย (แต่จะได้เบ้าตาหมีแพนด้ามาแทน ...อ้าว)


6. ตั้งใจฟังอาจารย์ : เรียนให้เต็มที่ คำนวณอะไรก็คิดๆๆๆๆๆ คิดผิดก็คิดมันไป อาจารย์เฉลยว่าผิดแล้วก็ลบแอบๆ หน่อย (อายคนข้างๆ) พอเวลาคำนวณถูกก็เปิดมันเลย! ดูเส่ะๆพวกหล่อน ฉันคิดถูก ว่ะฮ่าๆๆๆ


7. สำหรับคนที่กินขนมแล้วชอบหลับ : แนะ นำค่ะ ลูกอมรสเปรี้ยวๆ กินแล้วตื่นเต็มตาเลยค่ะ (แต่ถ้ากินบ่อยๆอาจทำให้คุณชินและหลับได้แม้กระทั้งในปากเปรี้ยวจี้ด) หรือไม่ก็ลูกอมมิ้นท์เย็นๆ แบบว่าเย็นสุดขั้ว กินแล้วเย็นไปถึงรูขุมขนได้ยิ่งดี นั่นจะทำให้คุณตื่น (แต่บางคนอาจจะหลับ) เรื่องลูกอมต้องค่อยๆลองไปสลับไปได้เรื่อยๆ ยิ่งดี วันนึงก็รสนึง อีกวันก็รสใหม่ จะทำให้เราไม่คุ้นและไม่ง่วง


8. หากเรียนไปแล้วเริ่มจะเข้าเฝ้าเทวดา : ให้ นึกถึงเวลาที่ใกล้จะหมดสิคะ นั่นอาจจะทำให้รู้สึกลัลล้าและตื่นเต็มตาได้ แต่ถ้าหากเพิ่งจะเริ่มเรียนแล้วง่วงละก็ ลองไปล้างหน้าล้างตาดูนะคะ


9. บรรยากาศในห้องเรียน : เป็น ส่วนหนึ่งทำให้เคลิ้มได้ บางทีก็เย็นจนปอดจะแข็งตาย บางทีก็ร้อนตับจะออกมานอกร่าง ขอแนะนำว่าให้ลองใจกล้าเดินไปบอกพี่ที่คุมเลยค่ะ ว่าร้อนหรือหนาว จะได้ไม่รู้สึกเคลิ้มหรือไม่เครียดขณะเรียน



ขอบคุณข้อมูล : บอร์ดเย็นตาโฟ

เคล็ดลับ : ท่องเน็ตปลอดภัย



อัตราผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในประเทศไทยในปัจจุบัน คาดว่ามีอยู่ประมาณ 15 ล้านคน บวกลบจากนี้นิดหน่อย

ทีนี้เมื่อ "โลกไซเบอร์" มีพลเมืองเข้าไปอยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น กลุ่มแก๊งมิจฉาชีพก็เลยสบช่อง ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นเครื่องมือในการหา "เหยื่อ" เช่นกัน!เพื่อป้องกันตัวเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อโจรไฮเทค บล็อกข่าวเทคโนโลยีออนไลน์ "SWITCHED" จึงตีพิมพ์บทความเขียนข้อแนะนำเบื้องต้นในการป้องกันตัวไว้ ว่า


1. อย่าซื้อของจากเว็บไซต์ที่ไม่เป็นที่รู้จัก ไม่คุ้นเคย หรือแทบไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน


2. อย่าหลงเชื่อข้อมูลต่างๆ จาก "อีเมล์ลูกโซ่" ซึ่งฟังดูดีเกินกว่าจะเป็นจริง อาทิ "ด่วน คุณถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1!"


3. เวลาใช้อีเมล์ อย่าเปิดหรือกดดาวน์โหลดไฟล์จากคนไม่รู้จัก เพื่อป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์


4. อย่าคลิกดูโฆษณาขยะจำพวก "ป๊อปอัพ"


5. อย่าใช้เครื่องคอมพิวเตอร์สาธารณะทำธุรกรรมการเงินอิเล็ก ทรอนิกส์


6. เวลาไปใช้เครือข่ายอินเตอร์เน็ตไร้สายในที่สาธารณะ ถ้าเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์


7. หัดลองใช้เบราเซอร์ หรือโปรแกรมท่องอินเตอร์เน็ต ซึ่งมีระบบรักษาความปลอดภัยดีๆ เช่น ไฟร์ฟ็อกซ์, โอเปร่า


8. หมั่นอัพเดตโปรแกรมป้องกันไวรัส-หนอนคอมพิวเตอร์


9. อย่าใช้ "รหัสลับ" เหมือนกันจนเปรอะไปทุกเว็บไซต์


10. อย่าโพสต์ หรือเขียนข้อมูลส่วนตัวลงไปในเว็บไซต์ต่างๆ รวมถึงเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์


11. เมื่อมีอีเมล์ส่งเข้ามาถึงอ้างว่า เว็บนั้นเว็บนี้มีการเปลี่ยนแปลง จึงอยากขอให้ช่วยส่งข้อมูลใหม่ไปให้ อย่ารีบร้อนกรอกข้อมูลส่วนตัวใดๆ ลงไป
เพราะ อาจติดกับกลลวงประเภท "ฟิชชิ่งสแคม" โดยไม่รู้ตัว ทางที่ดี เมื่อมีข้อสงสัยให้หาเบอร์โทรศัพท์ไปสอบถามข้อมูลจากเจ้าของเว็บไซต์นั้นๆ ให้ชัดเจนเสียก่อน!



ขอบคุณข้อมูล : บอร์ดเย็นตาโฟ

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

10 วิธีแก้เหงาของคนอกหัก



1. หาอะไรทำเพื่อให้ตังเองไม่ว่าง จะได้ไม่มีเวลาฟุ้งซ่าน

2. คุยกับคนอื่นเยอะๆ เพื่อเป็นการระบายอารมณ์

3. ออกกำลังกายมากๆ จะได้ร่างกายแข็งแรง ไม่มีเวลาว่างมาคิดเรื่องไร้
สาระเหล่านี้

4. ฟังธรรมเยอะๆ จะได้มีจิตใจที่เป็นสุขไม่ฟุ้งซ่าน

5. หาเพื่อนสักคน ที่เราไว้วางใจมากที่สุดมาจับเข่าพูดคุย เป็นการระบายอารมณ์
ที่ดี

6.คิดถึงคนที่มีส่วนช่วยเหลือที่สำคัญที่สุดของชีวิต นั่นคือ พ่อแม่ ที่รักเรายิ่ง
กว่าอื่นใดในโลก

7. หนีไปหาที่ที่สงบสักพัก

8.รักษาสุขภาพกายและใจให้แข็งแรงอยู่เสมอ

9. คิดว่าเขาคนนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตน ไม่มีปฎิกิริยาใดๆต่อตัวเรา

10. รักตัวเองให้มากๆ และจงจำเอาไว้ว่า รักมากแค่ไหนก็เจ็บแค่นั้น

วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

วิธีคลายเครียดตามเดือนเกิด^^

มกราคม เป็นคนที่เห็นทุกสิ่งในชีวิตเป็นเรื่องจริงจัง ทำให้ความเครียดสะสมมากไปหน่อยควรหาเวลาไป Relax ด้วยการเล่นกีฬาโปรดดูบ้าง หรือถ้าไม่ว่างจริงๆ การอาบน้ำด้วยครีมสมุนไพรก็
พอจะช่วยให้เธอผ่อนคลายได้เหมือนกัน

กุมภาพันธ์ เป็นคนที่เครียดได้ง่ายมากๆ ถึงจะไม่โวยวาย แต่ก็เก็บความโกรธไว้ การ
ผ่อนคลายที่เหมาะคือ การได้อยู่คนเดียวเงียบๆ หรือทำกิจกรรมส่วนตัว หรือไม่ก็เล่นอินเทอร์เน็ต ท่องโลกกว้าง

มีนาคม เป็นคนที่อ่อนไหว และชอบยกหัวใจให้อยู่ในกำมือของคนอื่น การคาดหวังมากเกินไปอาจทำให้เสียจิต คิดแล้วก็เครียด การผ่อนคลายควรเป็นการเล่นดนตรีหรือไม่ก็วาดภาพ แต่ถ้ามีเวลาสั้นๆ ก็แค่เอาตัวลงไปจุ่มในน้ำเย็นๆ เท่านี้ก็ชื่นใจแล้ว

เมษายน เป็นคนที่มีสมาธิในการทำงานมาก จนบางครั้งลืมขยับเขยื้อนร่างกาย ทำให้อาการเมื่อยเข้าครอบงำ วิธีผ่อนคลายคือ การได้ออกแรงมากๆ กับกีฬาผาดโผน หรือไปเล่นเครื่องเล่นเสี่ยงตายในสวนสนุก จะทำให้สมองโล่งขึ้น

พฤษภาคม เป็นคนที่มีสารเครียดอยู่ในร่างกายพอสมควร รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง
วิธีผ่อนคลายคือ การได้เดินดูของสวยๆ งามๆ ก็ทำให้ผ่อนคลายแล้ว

มิถุนายน เป็นคนชอบพบปะผู้คน ดังนั้นถ้ารู้สึกเครียด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร สังสรรค์กับ
เพื่อนน่าจะเป็นวิธีผ่อนคลายที่ดีที่สุด หรือไม่ก็เดินช็อปปิ้งเดินดูของสวยๆ งามๆ

กรกฎาคม สิ่งที่ทำให้เครียดที่สุดก็คือ เรื่องการเดินทาง หรือต้องอยู่ท่ามกลางผู้คนมาก
มาย เพราะเป็นคนเหนื่อยง่าย แถมถ้าเหนื่อยใจยิ่งแย่ใหญ่ การผ่อนคลายน่าจะเป็นการได้เล่นกับสัตว์เลี้ยง ปลูกต้นไม้ หรือไม่ก็หลับยาว

สิงหาคม เรื่องที่ทำให้เครียดมากที่สุดก็คือ ความพ่ายแพ้หรือล้มเหลว เพราะมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง ไม่ชอบแพ้ใครแม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ วิธีผ่อนคลายคือ การได้ดูหนัง ฟังเพลง ช้อปปิ้งของใช้ทุกอย่างต้องดูดีมีระดับ แค่นั้นก็ทำให้หายเครียดไปเยอะแล้ว


กันยายน การได้นอนเกลือกกลิ้งอยู่กับคนรัก เป็นการผ่อนคลายที่มีความสุขแล้วตุลาคม สิ่งที่ทำให้เครียดได้ก็คือความเหงา อ้างว้างเดียวดาย แค่ได้วุ่นวายกับเสื้อผ้า
แต่งหน้า ทำผม แบบโน้นแบบนี้ ก็เป็นการผ่อนคลายแล้ว

ตุลาคม เขาหรือเธอชอบอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย สิ่งที่ทำให้เธอเครียดได้ก็คือความเหงา แค่ได้วุ่นวายกับเสื้อผ้า แต่งหน้า ทำผม แบบโน้นแบบนี้ ก็เป็นการผ่อนคลาสำหรับเขาหรือเธอแล้ว


พฤศจิกายน เป็นคนที่เกิดอาการเครียดได้บ่อยเหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่องความรักจะหนักที่สุด การผ่อนคลาย น่าจะเป็นการอ่านหนังสือนิยายรัก กุ๊กกิ๊ก ก็ช่วยได้เหมือนกัน

ธันวาคม สิ่งที่ทำให้เครียดก็คือ การที่ต้องทนอยู่กันอะไรนานๆ เพราะเป็นคนไม่ชอบอยู่นิ่งออกแนวไฮเปอร์หน่อยๆ การผ่อนคลาย คือการได้ไปเที่ยวในที่ต่างๆ ไม่ก็อ่านหนังสือแบบไม่จำกัดแนว ก็ช่วยให้สมองปลอดโปร่งได้

รู้อย่างนี้แล้ว ถ้าเครียดเมื่อไหร่ก็ลองผ่อนคลายความเครียดตามเดือนเกิดกันดูได้นะจ๊ะ เผื่อว่าจะได้ไม่เครียดกันไงจ๊ะ
from: yenta4

การเลือกสีกระเป๋าสตางค์ตามวันเกิด

คนเกิดวันอาทิตย์
คุณ ไม่ควรใช้กระเป๋าสตางค์สีฟ้า สีดำ หรือกระเป๋าที่ทำมาจากหนังของสัตว์ทะเลค่ะ ส่วนสีที่คุณควรใช้คือ สีในโทนส่วาง หรือจะเป็นสีน้ำตาลหรือสีเขียวอันนี้ก็โอเคค่ะ

คนเกิดวันจันทร์
กระเป๋า สตางค์สีแดงหรือกระเป๋าสตางค์ที่ทำมาหนังสัตว์ 2 แบบนี้คุณควรหลีกเลี่ยงไปเลยค่ะ ส่วนสีที่เหมาะกับคุณมากที่สุดก็คือ สีน้ำตาลหรือสีม่วง

คนเกิดวันอังคาร
สี น้ำตาลและสีครีม 2 สีนี้เป็นสีที่ไม่เหมาะกับคนเกิดวันอังคารเลยค่ะ และอีกอย่างที่ต้องห้ามก็คือ กระเป๋าที่ทำมาจากหนังสัตว์ ส่วนสีที่ถูกโฉลกกับคุณก็คือ สีชมพู สีแสด และสีส้ม 3 สีนี้ก็คงจะถูกใจสาวๆ นะคะ

คนเกิดวันพุธ
สำหรับ คนเกิดวันพุธก็มีสีต้องห้ามอยู่ 2 สีคือ ดำและชมพู และไม่ควรใช้กระเป๋าสตางค์ที่ทำมาจากหนัง โดยเฉพาะสัตว์ปีก ส่วนสีของกระเป๋าสตางค์ที่เหมาะกับคุณก็คือ สีเขียวครีมและน้ำตาลค่ะ

คนเกิดวันพฤหัสบดี
สำหรับ คนเกิดวันพฤหัสบดีมีสีต้องห้ามอยู่สีเดียวคือ สีดำและขนาดของกระเป๋าจะต้องไม่ใหญ่เกินไป เลือกชนิดมีช่องใส่พอประมาณค่ะ ส่วนสีที่เหมาะก็คือสีแดงหรือส้ม

คนเกิดวันศุกร์
สี ของกระเป๋าสตางค์ที่ต้องห้ามสำหรับคนเกิดวันศุกร์ก็คือ สีดำหรือสีทึมไม่สดใส แล้วก็ไม่ควรใช้กระเป๋าสตางค์ที่ดูแปลกจนเกินไป เพราะจะทำให้คุณเก็บเงินไม่อยู่นะคะ ส่วนสีที่ควรใช้ก็คือ สีฟ้าและสีชมพู

คนเกิดวันเสาร์
คุณ ไม่ควรใช้กระเป๋าสตางค์สีเขียวหรือน้ำตาล และต้องพยามยามเลือกแบบที่ไม่เก่าเร็ว ต้องแลดูใหม่อยู่เสมอหรืออีกนัยหนึ่งก็คือ คนเกิดวันเสาร์ต้องซื้อกระเป๋าสตางค์บ่อยกว่าคนกิดวันอื่น เพราะถ้าคุณปล่อยกระเป๋าสตางค์ของคุณเก่าขึ้นมาเมื่อไหร่ล่ะก็ เมื่อนั้นจะทำให้ไม่มีโชคลาภค่ะ ส่วนสีที่เหมาะกับคุณก็คือสีฟ้าหรือสีม่วงค่ะ

from: yenta4

วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

รูจมูกบอก ลักษณะนิสัย

แบบที่ 1 รูจมูก 4 เหลี่ยมจัดตุรัส
มีความเชื่อมั่นตนเอง ออกจะดื้อรั้น เวลาสนทนากันจะไม่ค่อยยอมใคร


แบบที่ 2 รูจมูกแบบ 4 เหลี่ยมยาวตรงรีตั้งหรือ 4 เหลี่ยมผืนผ้าตั้ง
เป็น คนนิสัย จิตใจหยาบกระด้าง แต่เด็ดเดี่ยว มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ยึดเหตุผลตัวเองเป็นหลักใหญ่ บางครั้งก็ตัดสินใจถูกผิดโดยพลการ มักเสียเงินเสียทอง เงินทองมักเก็บไม่ค่อยอยู่ วัยชรามักอยู่โดดเดี่ยว


แบบที่ 3 รูจมูกแบบ 4 เหลี่ยมยาวตรงรีนอนหรือ 4 เหลี่ยมผืนผ้านอน
(ยาวนอนในลักษณะนี้คือเรียวและรูปทรงขวาง)

จะเก็บเงินไม่อยู่ เป็นรูจมูกที่เหมือนกับรูจมูกสี่เหลี่ยม


แบบที่ 4 รูจมูกแบบเลข 8 จีน
มีความคล่องตัวในการทำมาหากิน ทรัพย์สินหาคล่อง ทว่า รายจ่ายก็มีรอบด้านเหมือนกัน จึงมักเก็บทรัพย์สินไม่ค่อยอยู่


แบบที่ 5 รูจมูกแบบ 3 เหลี่ยมตั้งขึ้น
ลักษณะนิสัยจะละโมภ โลภหลง มีความปรารถนาอยากได้สิ่งต่าง ๆ สูง เก็บความลับไม่อยู่


แบบที่ 6 รูจมูกแบบ 3 เหลี่ยมคว่ำลง
รู้จักใช้สอย ขี้เหนียว หรือตรงกันข้ามกับแบบที่ 5 บางคนก็อาจจะใจแคบ ขาดความเมตตา


แบบที่ 7 รูจมูกกลม
เจ้าความคิด มีความคิดริเริ่มเป็นของตัวเอง ไม่ชอบเอาอย่างใคร แถมขี้เหนียว แต่ก็รู้จักใช้จ่ายนะ


แบบที่ 8 รูจมูกแบบ 3 เหลี่ยมไข่ตั้ง
ไม่ชอบเอาอย่างใคร ชอบการเสี่ยงโชค ชอบผจญภัย ชอบการเปลี่ยนแปลง


แบบที่ 9 รูจมูกแบบกลมรีนอนหรือไข่นอน
ลักษณะนิสัยจะเรื่อย ๆ เฉื่อย ๆ จะไม่ขยันเท่าไหร่ ทำนองเช้าชามเย็นชาม ไม่ค่อยดิ้นรน แต่ใฝ่สูงนะ

อนึ่ง รูจมูกในแบบไข่นอนนี้ บางท่านก็อาจจะมีแบบไข่นอนออกด้านข้างดั่งรูปที่ 9A เหมือนกัน ซึ่งความหมายก็เช่นเดียวกัันกับแบบที่ 9

จากรูปแบบรูจมูกทั้ง 9 แบบนี้ บางคนก็มีลักษณะผสม คือ ซ้ายแบบหนึ่ง ขวาแบบหนึ่ง หรือบางคนก็มีในลักษณะใกล้เคียง

คือ อาจจะไม่กลมมาก หรืออาจจะไม่แหลมมาก หรืออาจจะไม่เรียวมาก ทั้งนี้ก็ใช้เกณฑ์การตัดสินใจในลักษณะเทียบเคียงหรือให้ดูใกล้เคียงที่สุด ว่า เหมือนในรูปแบบใด หรือไม่แน่ใจก็ถามผู้รู้ด้านโหงวเฮ้งดูก็ได้

ว่ากันไป ?

-------------------

อ๊ะๆ กำลังเงยหน้า ส่องกระจกดูรูจมูกตัวเองอยู่ ชิมิ

from: yenta4

ความรัก 6 ประเภท

ความรัก

ความรัก

วันนี้มีรูปแบบของความรักมาฝากให้คิดกันค่ะว่า . . . ความรักของคุณในตอนนี้เป็นแบบไหนกันบ้าง

1. ความรักแบบเสน่หา (Eros)

ความรักเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต แม้จะไม่มากพอที่จะทำลายตนเอง หรือรู้สึกถูกใจอีกฝ่ายตั้งแต่แรกเห็น คล้ายรักแรกพบ ความดึงดูดใจซึ่งกันและกัน การแสดงออกมาทั้งคำพูดและการแสดงความใกล้ชิด อยากเจอกันทุกวัน ถ้าเป็นไปได้ วาดฝันเกี่ยวกับอีกฝ่ายไว้งดงาม และไม่ได้คาดการณ์ถึงอุปสรรคใดๆ คู่รักประเภทนี้พยายามพัฒนาสัมพันธภาพกับคู่ของตนอย่างรวดเร็ว โดยการเปิดเผย ซื่อสัตย์ และจริงใจ ใส่ใจคู่รักมากเป็นพิเศษ แต่ไม่แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของหรือกลัวว่าจะมีคู่แข่ง


2. ความรักแบบไม่ผูกมัด (Ludus)

ความรักเป็นเกมชนิดหนึ่ง เพื่อความบันเทิงของทั้งสองฝ่าย หลีกเลี่ยงการผูกมัด สามารถผลัดเปลี่ยนคู่ไปได้เรื่อยๆ พยายามที่จะไม่สร้างความผูกพันทางอารมณ์อย่างลึกซึ้งกับใคร เพื่อรักษาความเป็นอิสระของตน ถึงแม้จะไม่ต้องการทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวด แต่การโกหกและความไม่จริงใจถือว่าเป็นการเล่นตามกติกาที่มี ความรักแบบนี้จะไม่หึงหวง หรือแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ และอาจเห็นชอบให้คู่ของตนมีความสัมพันธ์กับผู้อื่นได้ ทั้งนี้เพื่อสร้างความสมดุลในความสัมพันธ์ของตน


3. ความรักแบบมิตรภาพ (Storge)

ความรักพัฒนามาจากมิตรภาพ เป็นความรู้สึกรักใคร่อันเนื่องมาจากการคบหากันมาเป็นเวลานาน ไม่ได้มีความ รู้สึกตื่นเต้น เร่าร้อน แต่เน้นการกระทำที่ทั้งสองฝ่ายมีความสนใจร่วมกันและมีกิจกรรมร่วมกัน ความรักเป็นสิ่งที่มั่นคง ที่ผนวกเข้าไปกับการดำรงชีวิตตามปกติ


4. ความรักแบบลุ่มหลง (Mania)

ผู้ที่มีความรักแบบนี้จะใฝ่หาความรัก แต่เชื่อว่าความรักเป็นความเจ็บปวด ปรารถนาความใกล้ชิดและต้องการความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ต้องการให้คู่รักของตนแสดงความรักมากกว่าปกติ เมื่อใดที่คู่รักไม่ได้แสดงความใส่ใจ หรือไม่แสดงความรักตามที่ปรารถนา อาจจะทำร้ายตนเอง เพื่อเอาชนะความรัก คู่รักประเภทนี้เชื่อว่า เมื่อปราศจากความรักจากอีกฝ่าย ชีวิตก็ไม่มีคุณค่าอีกต่อไป


5. ความรักแบบมีเหตุผล (Pragma)

เป็นความรักที่ตั้งอยู่บนรากฐานของความเป็นจริง ผู้ที่มีความรักแบบนี้จะแสวงหาคู่ที่เหมาะสมกับตนมากที่สุด เชื่อว่าความสัมพันธ์จะราบรื่นก็ต่อเมื่อคู่รักสามารถตอบสนองความต้องการ พื้นฐานของกันและกัน ได้แสวงหาคนที่มีลักษณะคล้ายตนหรือต่างจากตน แต่ช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาด การเลือกคู่จะมีลักษณะคล้ายรักเผื่อเลือก ทั้งนี้ก็เพราะคาดหวังสัมพันธภาพที่ยั่งยืน


6. ความรักแบบเสียสละ (Agape)

เป็นความรักที่ปราศจากความเห็นแก่ตัว ต้องการเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ มีความห่วงใย และคำนึงถึงความสุขของคู่รักเป็นสำคัญ โดยไม่ใส่ใจกับความต้องการของตนเอง "การให้" เป็นปัจจัยสำคัญของความรักแบบนี้ นักจิตวิทยาได้ทำการศึกษาพบว่า ในชีวิตจริงคู่สมรสจะมีรูปแบบความรักที่คล้ายคลึงกัน เมื่อเปรียบเทียบระหว่างคู่ที่มีความสัมพันธ์ยาวนานกับคู่ที่เลิกราไป พบว่าประเภทแรกจะมีความรักแบบเสน่หาสูงกว่า และมีความรักแบบไม่ผูกมัดต่ำกว่าประเภทหลัง รูปแบบของความรักอาจเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา และลักษณะของบุคคลที่เรามีความสัมพันธ์ด้วย

from: yenta4

วิธีทำนายความรักตามตำราปลาคู่ ดูดวง

ดูดวง

วิธีหาสัญลักษณ์ ตำราสัญลักษณ์คู่นี้ให้ยึดถือวันเกิดคือวันอาทิตย์ถึงวันเสาร์เป็นสำคัญ วันเกิดแต่ละวันนั้นจะมีเลขหลักประจำวันเกิด คุณจะต้องนำเลขวันเกิดของคุณและวันเกิดของคนรักคุณนำมาบวกกัน เมื่อได้ผลลัพธ์แล้วให้นำ เลข 3 มาคูณผลลัพธ์นั้น ได้ผลลัพธ์เท่าไรหารด้วย เลข 7 เศษที่ได้คือเลขสัญลักษณ์แห่งคำทำนาย

fish

ตารางตัวเลขประจำวันเกิด
1 วันอาทิตย์
2 วันจันทร์
3 วันอังคาร
4 วันพุธ
5 วันพฤหัสบดี
6 วันศุกร์
7 วันเสาร์

ตัวอย่าง

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเกิดวันจันทร์ และแฟนของคุณเกิดวันอังคารเลขที่คุณจะต้องนำมาบวกกัน ก็คือเลข 2 และเลข 3

2 + 3 = 5

นำ 3 มาคูณ 5 x 3 = 15

จากนั้นนำ 7 มาหาร 15 / 7 = 2 ได้เศษ 1 (เพราะหารไม่ลงตัว)

เมื่อคุณได้เศษ 1 ก็เปิดไปดูคำทำนายที่สัญลักษณ์ของ เลข 1 คือสัญลักษณ์ก้อนหินคู่นั่นเอง

คำทำนาย

เศษ 1 ก้อนหินคู่
ดวง แห่งความรักของคุณทั้ง 2 คนนั้น ค่อนข้างเปล่งประกายรุนแรง ดังนั้นเมื่อมาครองคู่อยู่ด้วยกันก็มักจะมีเรื่องให้ขัดแย้งกันได้ อยู่เกือบตลอดเวลา แต่โดยในส่วนของหัวใจแล้ว มีความผูกพันกันอย่างลึกซึ้งมาก คุณมีความรักต่อกันอย่างจริงแท้ต่างคนต่างอดทนซึ่งกันและกัน แต่ก็ยังมีความคิดเห็นที่แตกแยกกันเสมอๆ แม้จะมีรสนิยมบางส่วนคล้ายคลึง และไปกันได้ดีทีเดียว ถึงอย่างไรถ้าปรับแก้ไขในเรื่อง ของอารมณ์ได้เรี่องอื่นก็ไม่มีปัญหา เพราะคุณเป็นคู่รักที่น่าอิจฉา และมีความสุขสำราญดี ในด้านเพศสัมพันธ์ก็มีความกลมกลืน มีความตั้งใจจริง ที่จะนำพาชีวิตให้ไปสู่ความสำเร็จในระดับสูงของชีวิต และทุกอย่างจะเป็นไปได้ง่ายขึ้นถ้าคุณทั้งคู่จัดให้ใครคนใดคนหนึ่ง คอย เหนี่ยวรั้งกันไว้บ้างในบางเรื่องของ การใช้เงินโดยอย่าฟุ่มเฟือยจนเกินไปในบางครั้ง

เศษ 2 ห่านคู่
คุณ เป็นคู่รักที่มีความสุขสบายตามประสา ตามอัตภาพ แม้คุณจะไม่ร่ำรวยมั่งคั่งถึงระดับเศรษฐี แต่คุณก็ยังเป็นคู่รักที่มีความสุข กันตามประสาคนรักได้อย่างน่าภาคภูมิใจ ยามมีปัญหาใดคุณก็จะคลี่คลายด้วยความร่วมมือร่วมใจกัน พร้อมที่จะเปิดใจให้โอกาสให้อภัย และเข้าใจในกันและกันเสมอ ไม่มีความร้อนแรงเข้าหากันมีแต่ความสงบเยือกเย็น ถ้อยทีถ้อยอาศัย และมีความตั้งใจที่จะประคับประครอง ความรักให้เป็นความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนนานอย่างอบอุ่น

เศษ 3 รถลาก
แม้ จะมีความรักเป็นเครื่องผูกพันคุณ 2 แต่รื่องเงินทองนั้น ดูเหมือนจะมีอิทธิพลมากพอที่จะทำลายความแนบแน่นให้จืดจาง ทำให้ความสัมพันธ์ห่างเหินกลายเป็นคนที่เคร่งเครียด และทะเลาะเบาะแว้งกันเองกันอยู่เสมอ คุณและคู่รักจะต้องจัดระบบระเบียบ ของเรื่องเงินๆ ทองๆ คุณและคู่รักจะต้องจัดระบบระเบียบปัญหาเรื่องเงินๆทองๆ และเรื่องรัพย์สินในครอครัวให้ลงตัวที่สุด มิเช่นนั้น จะเป็นครอบครัวที่ไม่มีความสุข มีแต่เรื่องขุ่นมั่ว และฉุนเฉียวเกรี้ยวกราด เพียงเพราะเรื่องเงินจนทำให้ความรักถูกบดบังไปด้วยปัญหา เรื่องเงินจนหมดความสุข ทั้งๆที่สามารถจะมีชีวิตคู่อย่างสมบูรณ์พูลสุขได้ เพียงแต่รู้จักหันหน้าเข้าปรึกษาและคลี่คลายปัญหาต่างๆด้วยกันเท่านั้น

เศษ 4 รุ่งอรุณ
คุณ ทั้ง 2 คนเป็นคู่รักที่มีพลังช่วยผลักดันใหักัน และกันก้าวไปได้ไกลอย่างสวยสดงดงาม มีชีวิตที่มีเกียรติ มีศักด์ศรี ในแวดวงสังคม ฐานะมั่งคงร่ำรวย และประสบความสำเร็จในธุรกิจการงาน เป็นคู่รักที่โดดเด่นน่าจับตามองทั้งคู่

เศษ 5 ช่อซากุระ
ความ รักและความสัมพันธ์อันลึกซึ้งนี้จะยั่งยืนและมั่นคงชั่วนิรันดร์ คุณทั้งคู่มิได้มีเพียงแค่ความรักและความห่วงใยต่อกันและกันเท่านั้น แต่คุณยังนำความสุขความเจริญมาสู่ครอบครัวจนฐานะนั้นมั่งมีศรีสุขขึ้นเรื่อย ยิ่งถ้าได้ร่วมธุรกิจ หรือสายการงานเดียวกัน ก็จะยิ่ง ประสบความสำเร็จ และร่ำรวยในระดับเศรษฐีจะมีหลักทรัพย์มหาศาล ไม่ว่าจะเป็นบ้านเป็นรถหรือที่ดิน

เศษ 6 ม้าคู่
คุณ จะเป็นคู่รักที่มีควมสุขสำราญ มีเกียรติบนแวดวงสังคม เมื่อได้ครองคู่อยู่ร่วมกันแล้ว ยิ่งจะส่งผลให้ชีวิตคู่ของคุณสวยสดงดงาม มีทั้งความสุข และไขว่คว้าความสำร็จได้อย่างน่าภาคภูมิใจ ความเป็นอยู่จะสมบูรณ์แบบ เพียบพร้อมด้วยฐานะทางสังคมและทรัพย์สิน เงินทอง มีคนรักใคร ่ นับหน้าถือตามีบริวาร และญาติมิตรมากมายแวดล้อม

เศษ 7 ธารน้ำแข็งเรือ
ดวง แห่งความรักของคุณจะเต็มไปด้วยความเยือกเย็นเหน็บหนาว แม้จะมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของหัวใจ แต่ดูเหมือนว่า คุณทั้งคู่จะจูงมือกันดิ่งลงไปธารน้ำแข็ง ไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็ดูเหมือนว่า จะตัดสินใจผิดพลาด และพบกับความผิดหวังอยู่เสมอ มีปัญหามีอุปสรรคนานาผ่านเข้ามาให้ต้องฟันฝ่าเป็นแรงกดดันให้เคร่งเครียด มีความทุกข์ในใจจนสูญเสียความหวานชื่นในความรักนั้นไป และไม่สามารถที่จะเคียงข้างกันได้ยั่งยืนเนิ่นนาน

เศษ 8 หาดทราย
ความ จริงแล้วความรักของคุณกับคนรักก็น่าจะไปกันได้ด้วยดี แต่ที่ความสัมพันธ์มันจบลงง่ายๆ ในเวลาสั้นๆ นั้นก็เป็นเพราะว่า คุณทั้งสองขาดความผูกพันธ์ที่ลึกซึ้ง ขาดสายใยที่ผูกมัดใจกัน ทุกอย่างจึงพังทลายง่าย เมื่อเพียงถูกน้ำสาดเซาะ หรือเจอลมแรงพัดผ่าน ถ้าคุณสามารถปรับใจให้มีความหนักแน่น และเข้าใจกันจริงๆ ได้ ความรักก็จะผ่านอุปสรรคได้ คู่รักเช่นคุณนี้แม้ทนคบกันได้นานวัน ก็มิผูกพันกัน ลึกซึ้งจริงแท้นัก

เศษ 9 รุ้งกินน้ำ
ความ สัมพันธ์ทางใจ ของคุณทั้งคู่มีความลึกซึ้งแน่นแฟ้นต่อกันอย่างน่าอิจฉา คุณให้ความรักและความห่วงใยอาทรต่อกันอย่างดียิ่ง และสามารถจูงมือกันไปพบกับจุดหมายที่ร่วมฝันไว้ด้วยกันได้อย่างน่าชี่นใจ แม้บางครั้งจะผ่านแดดผ่านฝน แต่คุณให้ความสำคัญกับความรัก และความเข้าใจต่อกันเสมอ ความรักของคุณจึงงดงามและยังมีรสชาติมีสีสันเสมอไม่น่าเบื่อเลยอีกด้วย

เศษ 0 ฤดูใบไม้ผลิ
เมื่อ คุณมีความรักความเสน่หาต่อกันแล้ว คุณก็ตั้งใจที่จะก้าวไปในวันคืนข้างหน้าพร้อมๆ กัน ความตั้งใจจริงของคุณจึงเป็นพลัง ที่จะช่วยประคองความรักให้คงอยู่ได้ แม้ในความเป็นจริงแล้วจะต้องพบเจอกันช่วงเหน็ดเหนื่อยหัวใจไม่น้อยเหมือนกัน ความอดทน และต้องประสานใจกันไว้เสมอจะทำให้คนปลื้มใจ เมื่อผ่านวันเวลาอันเลวร้ายไปได้ คุณจะพบความสำเร็จในชีวิตด้วยกัน แต่มีเงื่อนไขคือ ต้องอดทนได้ เพราะหากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดใจเสาะ ความรักของคุณจะพังทลายแน่นอน

from: yenta4

ทายนิสัยจากตัวหนังสือ


ตัวหนังสือผอม
สำหรับคนที่เขียนตัวหนังสือที่มีลักษณะผอมสูงจนสามารถแลเห็นได้อย่างชัดเจน นั้น อุปนิสัยนั้นมักจะเป็นคนที่มีความอ่อนไหว จิตใจจะเปราะบางมาก ชอบชีวิตที่เรียบง่ายสบาย ๆ ที่ไม่มีความเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก และค่อนข้างจะเป็นคนที่เก็บตัวอยู่ในโลกของตัวเอง ไม่ค่อยสนใจหรือเข้าไปวุ่นวายกับเรื่องคนอื่น ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่ออกจะขี้อายไม่มีความมั่นใจในตัวเองนัก ทั้งยังถือสาในคำพูดของคนอื่นที่มีต่อตนเอง คนรอบข้างจะเข้ามามีอิทธิพลในชีวิตสูง

ตัวหนังสือบาง
คนที่เขียนตัวหนังสือบางนั้น มีความแตกต่างจากตัวหนังสือแบบผอมสูง เพราะตัวหนังสือบาง หมายถึงเส้นที่เขียนจะเบา ไม่มีความหนักแน่นชัดเจน ส่วนอุปนิสัยของคนที่มีลายมือแบบนี้ บ่งบอกถึงการเป็นคนที่ช่างคิดจนออกไปทางการเป็นคนคิดมาก แต่ในขณะเดียวกัน ก็จะมีความสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตน ติดจะขี้อายพอสมควรทีเดียว ให้พูดหรือแสดงออกท่ามกลางผู้คนจำนวนมาก มักจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่จะชอบทำในสิ่งที่คุ้นเคยอยู่เสมอ ๆ

หนังสือตัวหนัก
สำหรับข้อนี้หมายถึงตัวหนังสือที่เวลาเขียนผู้เขียนจะกดเส้นลงหนักมาก ส่งผลให้ตัวหนังสือมีความชัดเจนเป็นอย่างดี ส่วนอุปนิสัยของคนที่มีลายมือลักษณะนี้ จะเป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเองมาก แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่มีความสามารถด้วยเช่นกัน จึงไม่ค่อยรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นมากนักแต่จะเป็นคนที่สามารถวางแผนและ จัดการทุกเรื่องอย่างเป็นระบบระเบียบเสมอ มักมีเป้าหมายในชีวิตและค่อนข้างจะคาดหวังในชีวิตมาก ชอบการเป็นคนโดดเด่นและมีความสำคัญ

ตัวหนังสือโต ตัวหนังสือตัวโต
หมายถึงตัวหนังสือที่มีขนาดใหญ่แต่จะมีขนาดของตัวอักษรที่สมดุลย์พอดีกัน อย่างสม่ำเสมอทุกตัว สำหรับอุปนิสัยของคนที่มีลายมือเช่นนี้ บ่งบอกถึงการเป็นคนใจกว้าง มีน้ำใจไมตรี สามารถเข้าได้กับคนทุกระดับ ชอบการมีคนรักใคร่ชอบพอมาก ๆและมีความสามารถในการควบคุมสถานการณ์อันคับขันเพราะจะเป็นคนที่มีความหนัก แน่นเยือกเย็นอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังเป็นคนที่มีความรอบคอบ ถี่ถ้วนและไม่ชอบให้เกิดสิ่งที่ผิดพลาดกับตัวเองอีกด้วย

ตัวหนังสืออ้วน
คนที่เขียนตัวหนังสืออกมาทางอ้วนหมายถึงตัวหนังสือที่มีขนาดความกว้าง มากกว่าความยาวนั่นเอง ส่วนอุปนิสัยนั้นบ่งบอกถึงการเป็นคนมองโลกในแง่ดี ไม่เล่ห์เหลี่ยมใด ๆ กับใครทั้งสิ้น ทั้งยังเป็นคนใจอ่อน ใจดีชอบช่วยเหลือเอื้อเฟื้อคนนั้นคนนี้อยู่เสมอจนบางทีตัวเองถึงกับเดือด ร้อนอยู่บ่อย ๆ และเมื่อต้องตัดสินใจในเรื่องใดสักเรื่องจะมีความลังเลใจสูงทำให้คนที่ไม่ ชอบรับผิดชอบเรื่องใหญ่ ๆ ที่ต้องใช้การตัดสินใจแบบเด็ดขาดแต่มักได้รับความเอ็นดูจากคนใกล้ชิดเสมอ

ตัวหนังสือหวัด
สำหรับคนที่ลายมือหวัดเขียนตัวหนังสือติดพันกันแทบทุกตัว บ่งบอกถึงอุปนิสัยของการเป็นนักคิด นักวางแผนที่ดีแต่ถ้าให้ลงือปฏิบัติเองมักไค่อยประสบผลสำเร็จนอกจากนี้ยัง เป็นคนที่เชื่อมั่นในความคิดของตัวเองมาก และมองการณ์ไกลทั้งยังมีอุดมการณ์ที่สูงส่ง แต่มักเป็นคนที่ไม่ชอบเปิดเผยตัวเองนัก ชอบอยู่ในโลกส่วนตัว และหมกมุ่นทำในสิ่งที่ชื่นชอบครั้งละนาน ๆ ในบางครั้งจะเป็นคนที่ใจร้อนกับเรื่องที่คนอื่นไม่ค่อยคาดคิดหรือคิดไม่ถึง

ตัวหนังสือโย้เย้
คนที่เขียนตัวหนังสือเดี๋ยวตัวโตเดี๋ยวตัวเล็กไม่มีความสม่ำเสมอกันเลยนั้น บอกถึงนิสัยของการเป็นเด็กไร้เดียงสา และไม่ค่อยคิดอะไรที่ซับซ้อนนัก และยังชอบตามใจตัวเอง โดยไม่ค่อยคำนึงถึงจิตใจคนอื่นสักเท่าไร แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่ใจกว้าง เปิดเผย ยอมรับความคิดของคนได้ง่าย แต่มักจะมีอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงเร็ว ไม่เอาจริงเอาจัง หรือลึกซึ้งกับสิ่งใดมากนัก โดยเฉพาะถ้าไม่ใช่สิ่งที่ตนชอบหรือสนใจและยังไม่ใช่คนที่มีเหตุผลอะไรเลย

หนังสือเป็นระเบียบ
คนที่เขียนหนังสืออย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เท่ากันทุกวรรค ทุกตอนบ่งบอกถึงนิสัยที่เป็นคนเอาจริงเอาจังกับการทำงาน และเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองเป็นแม้ว่าจะมีความแตกต่างจากคนอื่น โดยไม่สนใจว่าใครจะคิดอย่างไรกับตน ทั้งยังเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานสูง และไม่ใช่คนที่ยอมแพ้กับอะไรง่าย ๆ จะมีความอดทนได้ยาวนานจนน่าประหลาดใจกับสิ่งที่ตนมุ่งมั่น นอกจากนี้ยังเป็นคนที่มีความมั่นคงในจิตใจสูงมาก จะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรง่ายๆ ถ้าไม่ใช่เรื่องร้ายมากนัก

ตัวหนังสือเฉียงขึ้น
คนที่เขียนหนังสือโดยตัวหนังสือจะค่อย ๆ เฉียงขึ้นทุกทีนั้น บ่งบอกถึงการเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นในชีวิตสูงมาก และมีความอดทนพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะค่อย ๆ ไต่เต้านำพาชีวิตของตนให้ไปสู่จุดสูงสุดที่มั่นคงปลอดภัยและเหนือกว่าคนอื่น ทั้งยังเป็นที่ให้ค่ากับเรื่องของวัตถุค่อนข้างมาก แต่ในขณะเดียวกันก็จะเป็นคนที่ยื่นอยู่บนความเป็นจริงของชีวิต ไม่มีความซับซ้อนอะไรมากนัก สิ่งใดถูกก็คือถูกและผิดก็คือผิด และจะเชื่อมั่นในความคิดเช่นนี้โดยไม่สนใจรายละเอียดใด ๆ

ตัวหนังสือเฉียงง
ส่วนคนที่เขียนตัวหนังสือในลักษณะที่ทะแยงลงจากระดับของบรรทัดนั้นมักเป็นคน ที่มีชีวิตอยู่ในวันนี้หรือในปัจจุบันมากกว่าที่จะคิดคำนึงไปถึงสิ่งที่ยัง มาไม่ถึง และมีความพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ ชอบใช้ชีวิตแบบง่าย ๆ ไม่มีระเบียบแบบแผนอะไรมากนัก ทั้งยังไม่ใช่คนที่ทะเยอทะยานอะไรเลย แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่ชื่นชมชีวิต มีความสุขได้จากทุกสิ่งรอบตัว และมีน้ำใจเข้ากับผู้คนได้ทุกระดับ และยังชอบหยิบยื่นมิตรภาพแก่ทุกคน

ตัวหนังสือเป็นเหลี่ยม
ส่วนคนที่เขียนตัวหนังสือมีลักษณะเป็นเหลี่ยมเป็นมุมอย่างชัดเจนนั้นบ่งบอก ถึงนิสัยที่เชื่อมั่นในความคิดของตนอย่างรุนแรง จนออกไปทางคนที่แข็งกระด้าง และไม่ยอมรับความคิดของใครโดยง่ายนอกจากนี้ยังเป็นคนที่เอาจริงเอาจังเคร่ง เครียดไปเสียแทบทุกเรื่องทั้งยังเป็นคนเจ้าระเบียบมองโลกแต่ในแง่ร้าย ทำให้หวาดระแวงคนง่ายไม่ค่อยมีความสุขในชีวิตเท่าที่ควร

ตัวหนังสือมน
ส่วนคนที่เขียนตัวหนังสือออกมาทางมน ๆ กลม ๆ นั้นบ่งบอกถึงนิสัยของการเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี ชอบแสวงหาความรื่นรมย์ให้ชีวิต ทั้งยังเป็นคนใจดี ใจอ่อน ชอบการรับใช้บริการ และตามอกตามใจคนรอบข้าง นอกจากนี้ยังเป็นคนที่ปรับตัวเก่ง สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้เร็ว ทั้งยังเป็นคนที่มีความอิสระในตัวเองสูง ไม่ชอบการโดนจำกัดให้อยู่ในกรอบความคิดใดความคิดหนึ่งเท่านั้น จึงสามารถยอมรับความคิดของคนได้โดยง่าย

ตัวหนังสือเล่นหาง
สำหรับคนที่เขียนตัวหนังสือที่ลักษณะตวัดมีหางมาก ๆ นั้น บ่งบอกถึงนิสัยของการเป็นคนช่างฝัน และโรแมนติค ชอบในเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ จนดูเหมือนคนเจ้าชู้ นอกจากนี้ยังเป็นคนที่อารมณ์ปรวนแปรรวดเร็ว มีความต้องการในเรื่องของรูป รส กลิ่น เสียงสูง ชอบชีวิตที่มีสีสันหวือหวาให้ตื่นเต้นเร้าใจอยู่เสมอ ชอบการพบปะกับผู้คน มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีแต่เป็นที่ไม่ระเบียบแบบแผนในชีวิตเท่าที่ควร

from: yenta4

วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2552

สมองที่หลายคนชอบเข้าใจผิดๆ




มันสมองของวิเศษในตัวของท่าน บางทีท่านอาจจะบ่นว่า หัว (คือสมอง)ของท่านไม่ดีสู้คนอื่นไม่ได้ หรือคงเคยพูดว่า วันนี้ทำงานมาก จนหัว (หัวสมอง)เพลียเห็นจะต้องพักเสียที มีแต่การทดลองทางการแพทย์และจิตวิทยาบอกว่าที่คิดอย่างนี้"...คิดผิดทั้งนั้น..." ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับมันสมอง 6 ข้อซึ่งจะช่วยให้ท่านเข้าใจมันสมองของวิเศษในตัวท่าน
1. มันสมองเหนื่อยหรือเพลียกับใครไม่เป็น

คน ที่ทำงานใช้ความคิดติดต่อกันนานๆจะรู้สึกมึนงง เพลียทำงานช้าลงเข้าใจเอาเองว่า ใช้สมองมาก จนสมองเพลีย จึงต้องหยุดพักสมอง เมื่อได้พักแล้วก็รู้สึกแจ่มใส ทำงานได้ดีขึ้น พวกนักวิทยาศาสตร์ได้ทดลองเรื่องนี้พบว่าไม่จริง
สมองเพลียกับใครไม่เป็นเพราะสมองไม่เหมือนกล้ามเนื้อ ไม่ได้ทำงานอย่างกล้ามเนื้อพลังของสมองเกิดจากไฟฟ้าเคมี(Electrochemical) ใน สมองมันจึงไม่เพลีย เช่นเดียวกับเราเปิดไฟห้าสิบแรงเทียนเปิดไว้นานเท่าใดมันก็สว่างอยู่เท่า นั้น ถ้ามันจะดับก็ดับไปเลย อาการที่ใกล้กับความเพลียของสมองก็คือความเบื่อ อย่างเช่นเวลาท่องตำรายากๆ สักเล่มหนึ่งพอดึกเข้า สักหน่อยใจหนึ่งอยากอ่านต่อไป อีกใจหนึ่งอยากนอน เช่นนี้ทำให้ท่านหมดความตั้งใจที่จะอ่าน ดังนี้พอจะพูดได้ว่าสมองเพลียคือหมายความว่าท่านหย่อนความตั้งใจที่จะทำงาน และไม่สามารถที่จะบังคับความคิดไม่ให้ฟุ้งซ่านไปในทางอื่น
2. กำลังสมองไม่มีที่สิ้นสุด

สมองเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายมีหน้าที่เกี่ยวกับการจดจำการคิดและความรู้สึกต่างๆ สมองประกอบด้วยตัวเซลล์ประมาณ 10 พันล้านตัวถึง 12พันล้านตัว แต่ละตัวมีเส้นใยที่เรียกว่าแอกซอน (Axon) และเดนไดรต์ (Dendrite) สำหรับให้กระแสไฟฟ้าเคมี (Electrochemical) แล่นผ่านถึงกันการที่เราจะคิดหรือจดจำสิ่งต่างๆนั้นเกิดจากการเชื่อมต่อของกระแสไฟฟ้า ในสมอง
คนที่ฉลาดที่สุดก็คือคนที่สามารถใช้กำลังไฟฟ้าได้เต็มที่

3.อัตราส่วนเชาวน์ (I.Q.) นั้นที่จริงไม่ใช่ของสำคัญ
นัก จิตวิทยา เช่น อัลเฟรดและบิเนต์ มีวิธีการวัดความฉลาดของคน โดยการวัดอัตราส่วนเชาวน์ หรือไอคิว แล้วกำหนดว่าคนนั้นๆมีไอคิวเท่านั้นๆ ถ้าใครวัดแล้วได้ไอคิวต่ำกว่าร้อย ก็ออกจะเสียใจสักหน่อย แต่นักจิตวิทยาเขาว่าอย่าไปสนใจกับไอคิวนักเลย
เพราะ การทดสอบนั้นมันไม่ค่อยแน่นัก อาจทดสอบผิดพลาดได้ง่ายเท่าที่เขาค้นพบนั้น ว่าใครมีร่องยู่ยี่หยุกหยิกตอนกลางกระหม่อมมากๆมักจะฉลาดกว่าคนอื่น "แต่คนที่ธรรมชาติไม่ได้สร้างสิ่งพิเศษมาให้จะไม่มีทางฉลาดกับเขาบ้างหรือ?" นัก วิทยาศาสตร์ตอบว่ามีและมีได้แน่ๆ คนที่มีไอคิวปานกลางอาจจะเป็นคนฉลาดปราดเปรื่อง มีความรู้ดีได้โดยการหมั่นฝึกตัวเซลล์ในสมองให้มันทำงานไม่ปล่อยให้มันขี้ เกียจอยู่เฉยๆ
เขาพบว่าคนที่มีชื่อเสียงมากมายหลายคนมีไอคิวเท่าๆ กับคนธรรมดา อย่างเช่น จอห์นอาดัมส์,อับราฮัม ลินคอล์น,นโปเลียน,เนลสัน เหล่านี้มีสมองธรรมดาๆแต่ว่าเป็นคนมีลักษณะพิเศษ คืออุตสาหะพากเพียรอย่างไม่หยุดยั้ง คนสมองดีๆถ้าไม่หมั่นใช้มันก็จะฝ่อได้

4. แก่แล้วก็เรียนได้ดีเท่าหนุ่มๆเหมือนกัน

....ความ เข้าใจผิดอย่างไม่เข้าท่าก็คือว่ายิ่งแก่ตัวยิ่งเรียนไม่ได้สมองเสื่อมความ จำไม่ดี ถ้าเป็นคนขี้เหล้าเมายาหรือมีโรคอาจเป็นได้อย่างนั้น แต่คนปรกติแล้วย่อมเรียนได้ตลอดอายุความแก่ชราไม่เป็นอุปสรรคแก่การเรียน การเรียนเกี่ยวกับการให้กระแสไฟฟ้าในสมองเคลื่อนไหว ดังนั้นถ้าสมองไม่ผุพังเพราะเชื้อโรคหรือการกระทบกระเทือนอย่างหนึ่งอย่างใด แล้ว อายุ 90 ปี
ก็ยังเรียนได้ ที่ว่าแก่ป้ำๆเป๋อๆชื่อคนที่เคยจำได้ก็นึกไม่ออก อะไรพวกนี้ เป็นการยอมรับตัวเองทั้งสิ้น
5. กำลังสมองจะดีขึ้นถ้าได้ใช้มันอยู่เสมอ

สมองเหมือนกับกล้ามเนื้อตรงที่การฝึกถ้าได้ใช้ให้ทำงานอย่าปล่อยให้มันขี้เกียจ มันจะยิ่งเก่งกล้าขึ้น ท่านยิ่งใช้ความคิด ความคิดของท่านก็จะดีขึ้น หากท่านใช้ความจำอยู่เสมอ ความจำของท่านก็จะดีขึ้นคือท่านจะจำอะไรได้เร็วขึ้น มี อำนาจอย่างหนึ่งที่เราพูดถึงกันเสมอคืออำนาจใจหรือกำลังใจ กำลังอันนี้สะสมอยู่ในสมอง ทุกคราวที่ท่านใช้กำลังใจ หรืออำนาจใจต่อสู้อุปสรรคปัญหา หรือความยากลำบากต่างๆกำลังใจของท่านก็เพิ่มพูนมีกำลังแรงขึ้น
6. จิตใต้สำนึก….คลังอันน่ามหัศจรรย์

ส่วน ลี้ลับและแสนจะพิศดารในตัวของเราคือจิตใต้สำนึก หรือบางทีเรียกว่า จิตไร้สำนึก มันเป็นที่เก็บพลังพิเศษ และความจดจำเรื่องทั้งหลายมากมายก่ายกอง แต่มันน่าประหลาดที่เราไม่สามารถให้มันสำแดงฤทธิ์ตามใจเราได้
มันจะแสดงพลังของมันออกมาในขณะที่มีเหตุใหญ่ฉันพลันทันด่วน และแสดงออกมาโดยเราเองก็ไม่รู้ตัว ตแพทย์ ได้เพียรใช้จิตสำนึกรักษาโรคจิต อย่างเช่นบางคนอยู่ดีๆ กลัวและเกลียดคนหน้าดำ เจ้าตัวเองก็บอกไม่ถูกว่าทำไมถึงเกลียดและกลัวอย่างไม่มีเหตุผล จิตแพทย์ต้องใช้วิธีให้จิตใต้สำนึกบอกเรื่องราวแต่หนหลัง ที่ตกตะกอนลงไปอยู่ในจิตแห่งนั้นก็รู้ได้ว่าเมื่อตอนนั้นยังเล็กอยู่ มีคนหน้าดำคนหนึ่งได้เข้ามาปลุกปล้ำบีบคอเขาในบ้าน แต่เขาจำเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะมันตกไปอยู่ในจิตใต้สำนึก เมื่อเขาโตขึ้น มันจึงแสดงอาการออกมาในลักษณะที่เขากลัวและเกลียดคนหน้าดำ นักจิตวิทยากล่าวว่า หาก เราหัดพูดกับจิตใต้สำนึกเราก็สามารถสร้างพลังขึ้นในตัวได้ อย่างเช่นเราพูดกับจิตใต้สำนึกว่า คืนนี้เราจะตื่นตีห้า ทำใจให้แน่วแน่ เพ่งอยู่ในการตื่นเวลาตีห้า พอถึงตีห้าจิตใต้สำนึกก็จะปลุกเราเอง ถ้าเราเป็น"คนขลาด"ขี้อายเราพยายามพูดกับจิตใต้สำนึกว่าเราจะไม่ขลาด เราจะไม่ขี้อาย ความขลาด ความขี้อายก็จะหายไปเอง

บทความจาก
ผู้หญิงนะคะ