วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2552

สมองที่หลายคนชอบเข้าใจผิดๆ




มันสมองของวิเศษในตัวของท่าน บางทีท่านอาจจะบ่นว่า หัว (คือสมอง)ของท่านไม่ดีสู้คนอื่นไม่ได้ หรือคงเคยพูดว่า วันนี้ทำงานมาก จนหัว (หัวสมอง)เพลียเห็นจะต้องพักเสียที มีแต่การทดลองทางการแพทย์และจิตวิทยาบอกว่าที่คิดอย่างนี้"...คิดผิดทั้งนั้น..." ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับมันสมอง 6 ข้อซึ่งจะช่วยให้ท่านเข้าใจมันสมองของวิเศษในตัวท่าน
1. มันสมองเหนื่อยหรือเพลียกับใครไม่เป็น

คน ที่ทำงานใช้ความคิดติดต่อกันนานๆจะรู้สึกมึนงง เพลียทำงานช้าลงเข้าใจเอาเองว่า ใช้สมองมาก จนสมองเพลีย จึงต้องหยุดพักสมอง เมื่อได้พักแล้วก็รู้สึกแจ่มใส ทำงานได้ดีขึ้น พวกนักวิทยาศาสตร์ได้ทดลองเรื่องนี้พบว่าไม่จริง
สมองเพลียกับใครไม่เป็นเพราะสมองไม่เหมือนกล้ามเนื้อ ไม่ได้ทำงานอย่างกล้ามเนื้อพลังของสมองเกิดจากไฟฟ้าเคมี(Electrochemical) ใน สมองมันจึงไม่เพลีย เช่นเดียวกับเราเปิดไฟห้าสิบแรงเทียนเปิดไว้นานเท่าใดมันก็สว่างอยู่เท่า นั้น ถ้ามันจะดับก็ดับไปเลย อาการที่ใกล้กับความเพลียของสมองก็คือความเบื่อ อย่างเช่นเวลาท่องตำรายากๆ สักเล่มหนึ่งพอดึกเข้า สักหน่อยใจหนึ่งอยากอ่านต่อไป อีกใจหนึ่งอยากนอน เช่นนี้ทำให้ท่านหมดความตั้งใจที่จะอ่าน ดังนี้พอจะพูดได้ว่าสมองเพลียคือหมายความว่าท่านหย่อนความตั้งใจที่จะทำงาน และไม่สามารถที่จะบังคับความคิดไม่ให้ฟุ้งซ่านไปในทางอื่น
2. กำลังสมองไม่มีที่สิ้นสุด

สมองเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายมีหน้าที่เกี่ยวกับการจดจำการคิดและความรู้สึกต่างๆ สมองประกอบด้วยตัวเซลล์ประมาณ 10 พันล้านตัวถึง 12พันล้านตัว แต่ละตัวมีเส้นใยที่เรียกว่าแอกซอน (Axon) และเดนไดรต์ (Dendrite) สำหรับให้กระแสไฟฟ้าเคมี (Electrochemical) แล่นผ่านถึงกันการที่เราจะคิดหรือจดจำสิ่งต่างๆนั้นเกิดจากการเชื่อมต่อของกระแสไฟฟ้า ในสมอง
คนที่ฉลาดที่สุดก็คือคนที่สามารถใช้กำลังไฟฟ้าได้เต็มที่

3.อัตราส่วนเชาวน์ (I.Q.) นั้นที่จริงไม่ใช่ของสำคัญ
นัก จิตวิทยา เช่น อัลเฟรดและบิเนต์ มีวิธีการวัดความฉลาดของคน โดยการวัดอัตราส่วนเชาวน์ หรือไอคิว แล้วกำหนดว่าคนนั้นๆมีไอคิวเท่านั้นๆ ถ้าใครวัดแล้วได้ไอคิวต่ำกว่าร้อย ก็ออกจะเสียใจสักหน่อย แต่นักจิตวิทยาเขาว่าอย่าไปสนใจกับไอคิวนักเลย
เพราะ การทดสอบนั้นมันไม่ค่อยแน่นัก อาจทดสอบผิดพลาดได้ง่ายเท่าที่เขาค้นพบนั้น ว่าใครมีร่องยู่ยี่หยุกหยิกตอนกลางกระหม่อมมากๆมักจะฉลาดกว่าคนอื่น "แต่คนที่ธรรมชาติไม่ได้สร้างสิ่งพิเศษมาให้จะไม่มีทางฉลาดกับเขาบ้างหรือ?" นัก วิทยาศาสตร์ตอบว่ามีและมีได้แน่ๆ คนที่มีไอคิวปานกลางอาจจะเป็นคนฉลาดปราดเปรื่อง มีความรู้ดีได้โดยการหมั่นฝึกตัวเซลล์ในสมองให้มันทำงานไม่ปล่อยให้มันขี้ เกียจอยู่เฉยๆ
เขาพบว่าคนที่มีชื่อเสียงมากมายหลายคนมีไอคิวเท่าๆ กับคนธรรมดา อย่างเช่น จอห์นอาดัมส์,อับราฮัม ลินคอล์น,นโปเลียน,เนลสัน เหล่านี้มีสมองธรรมดาๆแต่ว่าเป็นคนมีลักษณะพิเศษ คืออุตสาหะพากเพียรอย่างไม่หยุดยั้ง คนสมองดีๆถ้าไม่หมั่นใช้มันก็จะฝ่อได้

4. แก่แล้วก็เรียนได้ดีเท่าหนุ่มๆเหมือนกัน

....ความ เข้าใจผิดอย่างไม่เข้าท่าก็คือว่ายิ่งแก่ตัวยิ่งเรียนไม่ได้สมองเสื่อมความ จำไม่ดี ถ้าเป็นคนขี้เหล้าเมายาหรือมีโรคอาจเป็นได้อย่างนั้น แต่คนปรกติแล้วย่อมเรียนได้ตลอดอายุความแก่ชราไม่เป็นอุปสรรคแก่การเรียน การเรียนเกี่ยวกับการให้กระแสไฟฟ้าในสมองเคลื่อนไหว ดังนั้นถ้าสมองไม่ผุพังเพราะเชื้อโรคหรือการกระทบกระเทือนอย่างหนึ่งอย่างใด แล้ว อายุ 90 ปี
ก็ยังเรียนได้ ที่ว่าแก่ป้ำๆเป๋อๆชื่อคนที่เคยจำได้ก็นึกไม่ออก อะไรพวกนี้ เป็นการยอมรับตัวเองทั้งสิ้น
5. กำลังสมองจะดีขึ้นถ้าได้ใช้มันอยู่เสมอ

สมองเหมือนกับกล้ามเนื้อตรงที่การฝึกถ้าได้ใช้ให้ทำงานอย่าปล่อยให้มันขี้เกียจ มันจะยิ่งเก่งกล้าขึ้น ท่านยิ่งใช้ความคิด ความคิดของท่านก็จะดีขึ้น หากท่านใช้ความจำอยู่เสมอ ความจำของท่านก็จะดีขึ้นคือท่านจะจำอะไรได้เร็วขึ้น มี อำนาจอย่างหนึ่งที่เราพูดถึงกันเสมอคืออำนาจใจหรือกำลังใจ กำลังอันนี้สะสมอยู่ในสมอง ทุกคราวที่ท่านใช้กำลังใจ หรืออำนาจใจต่อสู้อุปสรรคปัญหา หรือความยากลำบากต่างๆกำลังใจของท่านก็เพิ่มพูนมีกำลังแรงขึ้น
6. จิตใต้สำนึก….คลังอันน่ามหัศจรรย์

ส่วน ลี้ลับและแสนจะพิศดารในตัวของเราคือจิตใต้สำนึก หรือบางทีเรียกว่า จิตไร้สำนึก มันเป็นที่เก็บพลังพิเศษ และความจดจำเรื่องทั้งหลายมากมายก่ายกอง แต่มันน่าประหลาดที่เราไม่สามารถให้มันสำแดงฤทธิ์ตามใจเราได้
มันจะแสดงพลังของมันออกมาในขณะที่มีเหตุใหญ่ฉันพลันทันด่วน และแสดงออกมาโดยเราเองก็ไม่รู้ตัว ตแพทย์ ได้เพียรใช้จิตสำนึกรักษาโรคจิต อย่างเช่นบางคนอยู่ดีๆ กลัวและเกลียดคนหน้าดำ เจ้าตัวเองก็บอกไม่ถูกว่าทำไมถึงเกลียดและกลัวอย่างไม่มีเหตุผล จิตแพทย์ต้องใช้วิธีให้จิตใต้สำนึกบอกเรื่องราวแต่หนหลัง ที่ตกตะกอนลงไปอยู่ในจิตแห่งนั้นก็รู้ได้ว่าเมื่อตอนนั้นยังเล็กอยู่ มีคนหน้าดำคนหนึ่งได้เข้ามาปลุกปล้ำบีบคอเขาในบ้าน แต่เขาจำเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะมันตกไปอยู่ในจิตใต้สำนึก เมื่อเขาโตขึ้น มันจึงแสดงอาการออกมาในลักษณะที่เขากลัวและเกลียดคนหน้าดำ นักจิตวิทยากล่าวว่า หาก เราหัดพูดกับจิตใต้สำนึกเราก็สามารถสร้างพลังขึ้นในตัวได้ อย่างเช่นเราพูดกับจิตใต้สำนึกว่า คืนนี้เราจะตื่นตีห้า ทำใจให้แน่วแน่ เพ่งอยู่ในการตื่นเวลาตีห้า พอถึงตีห้าจิตใต้สำนึกก็จะปลุกเราเอง ถ้าเราเป็น"คนขลาด"ขี้อายเราพยายามพูดกับจิตใต้สำนึกว่าเราจะไม่ขลาด เราจะไม่ขี้อาย ความขลาด ความขี้อายก็จะหายไปเอง

บทความจาก
ผู้หญิงนะคะ

กำจัดความโง่..!!



หนังสือเล่มนี้มีคุณค่าอย่างยิ่งในการ “ กำจัดความโง่ ”
เพื่อพัฒนาตนเองให้พ้นจากความโง่เขลาสู่ ความฉลาด
และจากความฉลาดสู่คนเจ้าปัญญา
เพื่อให้ชีวิตมีคุณค่าขึ้น
มาลองอ่านดูกันซักสามตอนนะ

======================== ว่าด้วยความคิด

คนโง่ ทำก่อนแล้วจึงคิด จึงผิดพลาดอยู่เนือง ๆ
ต้องเปลืองเวลาและความรู้สึก ตามแก้ปัญหาไม่สิ้นสุด
คนฉลาด คิดมากก่อนแล้วจึงทำ จึงเพ้อเจ้ออยู่เป็นประจำ
แม้ประสงจะทำดีมาก แต่ทำได้น้อย
เพราะเขม่าความคิดปิดกั้นความหาญกล้า
คนเจ้าปัญญา คิดไปทำไป จึงทำได้อย่างที่คิด และคิดพอดีที่ทำ
ประหยัดพลังงานและบริหารเวลาได้เหมาะสม
ลดความหลอน ป้องกันความผิดพลาดขื่นขม
และประสบความสำเร็จโดยไม่เหน็ดเหนื่อย


======================== ว่าด้วยการทำงาน

คนโง่ ทำงานเพื่อเงิน จึงได้เงินมาอย่างยากเย็น
และมักไม่ได้ คุณค่าอื่น ๆ ของงาน
คนฉลาด ทำงานเพื่องาน จึงได้ผลงานที่ยิ่งใหญ่
และได้เงินตามมาโดยง่าย
คนเจ้าปัญญา ทำงานเพื่อหยิบยื่นคุณค่าแก่สังคม
เขาจึงได้ผลงานที่น่าชื่นชม เงิน ชื่อเสียง
และมิตรมหาศาลย่อมตามมาเสมอ

======================== ว่าด้วยการสร้างความมั่งคั่งร่ำรวย

คนโง่ ชอบรวยทางลัด จึงจนอย่างรวบรัดเช่นกัน
คนฉลาด ชอบรวยเชิงระบบ ต้องอิงอาศัยระบบจึงจะรวย
เมื่อระบบล่มก็ต้องล้มไปด้วย
คนเจ้าปัญญา ชอบรวยด้วยความยินดี จึงรวยในทุกระดับที่มี
ได้ดูดซับคุณค่าของสิ่งที่มีอย่างแท้จริง
รวยและเป็นสุขเสมอ
from : teenee.com

วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2552

วิธีเพิ่มความจำให้สมอง




  1. บริหารสมองอยู่เสมอ เช่น ต่อจิ๊กซอว์ เล่นครอสเวิร์ด นั่งคิดเลข …
  2. กินผักผลไม้สด เช่น ผลไม้ที่มีสีแดง ม่วง น้ำเงิน … โดยเฉพาะตระกูลเบอร์รี่ต่างๆ จะมีสารต้านอนุมูลอิสระชนิดที่มีความเข้มข้นสูงที่เรียกว่า Anthocyanidin
  3. ลดปริมาณแอลกอฮอล์
  4. ออกกำลังกาย การออกกำลังกายยังไปเพิ่มประสิทธิภาพ ในการกระตุ้นความจำของสารเคมีในสมอง ที่เรียกว่า Brain-Derived Neurotrophic Factor) ให้ทำงานได้ดีขึ้นด้วย
  5. จดบันทึก ถ้าเรามีเรื่องให้จำมาก ความจำเราอาจจะแย่ เพราะจำได้ไม่หมด ลองหันมาจดบันทึกดูสิคะ จะทำให้สมองเราผ่อนคลายมากทีเดียว
  6. ทำสมาธิ ถ้าเราเครียดมากๆ ผ่อนคลายโดยการนั่งสมาธิ ให้จิตใจของเราสงบขึ้น

ลองทำตามเคล็ดลับที่เอามาฝากนี้ รับรองว่าสมองของคุณจะโปรดโปร่งขึ้น และมีความสามารถในการจดจำดีขึ้นตามลำดับ




-ขอบคุณสกิดดอทคอม-

Art สุดๆ


ภาพสวย....รับรอง...ไม่เคยเห็นมาก่อน

เคยเห็นหรือยัง... ต้นนารีผล....ที่ จ.เพชรบรูณ์‏

How beautiful is this‏

Amazing pictures